ความวิกลจริตในวัยชรา: "ระฆัง" ครั้งแรก โรคสมองเสื่อมในวัยชรา: วิธีช่วยคนที่คุณรักโดยไม่บ้าไปเอง

ภาวะสมองเสื่อมในวัยชราคือภาวะสมองเสื่อมที่มาพร้อมกับอายุ และมีลักษณะเฉพาะคือความเสื่อมถอยของความคิด ความจำ และพฤติกรรม ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุส่งผลให้การทำงานของการรับรู้และความสามารถในการดูแลตัวเองลดลงอย่างถาวร ภาวะสมองเสื่อมมีหลายประเภท ซึ่งจะกล่าวถึงในบทความนี้

ภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา: โรคนี้คืออะไร?

ภาวะสมองเสื่อมจากวัยก่อนวัยอันควรคือภาวะสมองเสื่อมกลุ่มหนึ่งซึ่งมีความก้าวหน้าในช่วงหลายปีก่อนวัยชรา และสัมพันธ์กับการฝ่อของเซลล์สมอง

รูปแบบของโรคที่พบบ่อยที่สุดคือ:

• โรคอัลไซเมอร์และพิค;
• พาร์กินสัน;
• อาการชักกระตุกของฮันติงตัน

ภาวะสมองเสื่อมในวัยชราสำหรับจิตแพทย์หมายถึงการพัฒนาความเสื่อมของเส้นประสาท ซึ่งมักพบบ่อยขึ้นหลังจากผ่านไป 80 ปี ละเมิด ฟังก์ชั่นทางจิต,ความทรงจำ,สูญเสีย: กำลังใจ, ความรู้ที่สะสม, ทักษะประจำ

กลุ่มนี้รวมถึงความวิกลจริตในวัยชราและการสูญเสียการทำงานของการรับรู้ที่เกี่ยวข้องกับอายุ ตรงกันข้ามกับภาวะสมองเสื่อมแต่กำเนิดและภาวะสมองเสื่อมที่รักษาไม่หาย ภาวะสมองเสื่อมในวัยชราถือเป็นความเสื่อมถอยทางจิตที่เกิดขึ้นในบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่

ขั้นตอนการพัฒนาและอายุขัย

ระยะของภาวะสมองเสื่อมเกิดขึ้นอย่างช้าๆ และการเสื่อมสภาพของอาการจะค่อยๆ เกิดขึ้น

เข้าใจแล้ว:

• ชั้นต้น;
• ปานกลาง;
• สุดท้าย.

ระยะแรกจะคล้ายกันมากกับการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของการสูงวัยตามธรรมชาติ อาการหลงลืมเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก และความสามารถทางจิตลดลง ลักษณะนิสัยบางประการ: ความอวดรู้, ความตระหนี่, กำเริบ, การวิจารณ์ตนเองยังคงมีอยู่

ภาวะสมองเสื่อมในระดับปานกลางมีลักษณะพิเศษคือเพิ่มความบกพร่องทางสติปัญญา บุคลิกภาพถูกทำลาย ลักษณะเฉพาะส่วนบุคคลถูกปรับระดับออกไปพฤติกรรมก็เหมือนเดิม

ความจำเสื่อมลงลึกขึ้น ทักษะที่เป็นนิสัยจะหายไป ผู้ป่วยเริ่มเลอะเทอะไม่สนใจเขา รูปร่างและกิจกรรมที่ชื่นชอบ พฤติกรรมสุขอนามัยขั้นพื้นฐานยังคงรักษาไว้ แต่ผู้ป่วยสามารถทำร้ายตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจได้ ญาติไม่ควรปล่อยบุคคลไว้ตามลำพัง

การพยากรณ์อายุขัยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของระยะสุดท้ายของภาวะสมองเสื่อม ผู้คนจะมีชีวิตอยู่ได้กี่ปีหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อมในวัยชรา? ตั้งแต่ 6 ถึง 14 ปีขึ้นไป สำหรับวัยชรา – สูงสุด 10, 15 ปี

ใน ปีที่ผ่านมาผู้ป่วยจะมีอาการความจำเสื่อมอย่างลึกซึ้งและมีความบกพร่องในการพูด เขาลืมชื่อ ทักษะ ความสำเร็จของเขา การรักษาที่บ้านประกอบด้วยการดูแลที่สมบูรณ์และการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโภชนาการและสุขอนามัย

สิ่งสำคัญคือต้องรู้!ผู้ป่วยสูงอายุจำเป็นต้องมีพยาบาลหรือญาติอยู่ตลอดเวลา เขาสามารถจุดไฟ สร้างน้ำท่วมอพาร์ตเมนต์ ทุบจานราคาแพง และเฉือนตัวเองด้วยเศษชิ้นส่วน ดูแลคนที่คุณรัก!

ญาติควรทำอย่างไร?

เมื่อผู้ป่วยที่มีการวินิจฉัยดังกล่าวปรากฏในครอบครัว ญาติควรปฏิบัติต่อเขาด้วยความสนใจมากขึ้น แม้ว่าจะสังเกตเห็นอาการและอาการแสดงเล็กน้อยเท่านั้น แต่คน ๆ หนึ่งจะหวีผมด้วยตัวเอง แต่ลืมว่าหวีอยู่ที่ไหน เขาจำเป็นต้องได้รับแจ้ง หากผู้ป่วยได้รับการแสดงและเตือนให้ทราบว่ามีการกระทำตามปกติอย่างไร เขายังสามารถเคลื่อนไหวซ้ำและดูแลตัวเองได้อย่างอิสระ

ญาติต้องเข้าใจว่าเมื่อผู้ป่วยไม่สามารถดูแลตัวเองได้อีกต่อไปอาการก็จะแย่ลง จะทำอย่างไรเมื่อเริ่มกลั้นปัสสาวะไม่อยู่? เราต้องจ้างพยาบาล คนมาดูแลคนไข้ ผู้ป่วยจะต้องใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และผ้าอ้อมบนเตียงหากพยาธิสภาพถึงขั้นรุนแรง

ทางเลือกสุดท้าย บุคคลนั้นจะถูกจัดให้อยู่ในสถานพยาบาลเฉพาะทาง สถาบันการแพทย์- ในกรณีภาวะสมองเสื่อมขั้นรุนแรงในผู้สูงอายุ ที่นี่จะมีการให้อาหาร อาบน้ำ หวี และดูแลอย่างทั่วถึง

ความสนใจ!ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมขั้นสูงอาจกลายเป็นคนก้าวร้าว ฉุนเฉียว และไม่ยอมทนต่อคำวิจารณ์ ไม่จำเป็นต้องถูกรุกรานโดยบุคคล เขาไม่รับผิดชอบต่อตัวเองในเวลานี้ ญาติพี่น้องต้องมีความอดทนและความรัก ให้อภัยทุกสิ่งและเข้าใจ

ประเภทของความวิกลจริตในวัยชรา

ความวิกลจริตในวัยชราไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกถึงความชรา การมีอายุยืนยาวอย่างแข็งขันในวันนี้กำลังดึงดูดมวลชน ในช่วงอายุ 70-80 ปี ผู้คนมีชีวิตที่น่าสนใจ มีชีวิตชีวา เล่นกีฬา สื่อสารบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ตลก หัวเราะ และมีทัศนคติเชิงบวกต่อชีวิต

อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งในผู้สูงอายุ ลักษณะนิสัยและความจำเสื่อมลง ความโกรธและความหงุดหงิดปรากฏขึ้น ญาติบางคนสังเกตเห็น ที่รักความไม่แยแส การหลงลืม และความไม่เป็นระเบียบมีสาเหตุมาจากความชราตามธรรมชาติและอย่าไปหาหมอ

ส่งผลให้สมองลีบเร็วเกินไป พฤติกรรมของคนเสื่อมโทรมทำให้ชีวิตของทั้งครอบครัวกลายเป็นนรกอย่างแท้จริง

ภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือด

ภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือดหรือหลอดเลือดเกิดจากการไหลเวียนโลหิตในสมองบกพร่อง หากเซลล์บางเซลล์ไม่ได้รับสารอาหารและออกซิเจนเพียงพอ เซลล์เหล่านั้นจะเริ่มเหี่ยวเฉาและตายไปในที่สุด

ร่างกายยังคงรักษาความสามารถในการสร้างและฟื้นฟูเซลล์ประสาทได้จนถึงช่วงอายุหนึ่ง แต่หากเกิดความเหนื่อยล้าขึ้นแล้ว เซลล์ลีบก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วอาการจะเห็นได้ชัด การคิด ความจำ การพูด และพฤติกรรมบกพร่อง บุคคลนั้นสูญเสียอิสรภาพและต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอก

กลุ่มอาการหลอดเลือดสมองเสื่อมอาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ซึ่งเป็นผลมาจากการอุดตันของหลอดเลือดในศีรษะด้วยลิ่มเลือดหรือแอร์ล็อกขนาดใหญ่ หากหลอดเลือดแตก เซลล์ประสาทจำนวนมากจะตายจากเลือดที่ไหลเข้าสู่สมอง นอกจากนี้ภาวะสมองเสื่อมช้ายังเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดเล็กในสมอง พยาธิวิทยาดังกล่าวสามารถตรวจพบได้ใน MRI เท่านั้น

หัวใจล้มเหลวและการไหลเวียนของเลือดที่ลดลงจากการอุดตันของหลอดเลือดที่มีคราบคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดียังกระตุ้นให้เกิดการฝ่อของเส้นประสาทอีกด้วย

เนื่องจากความหลากหลายของสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือด จึงไม่มีวิธีเดียวในการรักษาพยาธิสภาพนี้ อย่างไรก็ตามการป้องกันและการรักษาส่งผลต่อการรักษาและการทำความสะอาดหลอดเลือด ฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือดที่บกพร่อง หลอดเลือดแดงใหญ่และเส้นเลือดฝอย แพทย์พยายามทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติเป็น 120/80 เพื่อให้เซลล์ประสาทไม่ประสบภาวะขาดออกซิเจน

ภาวะสมองเสื่อมส่วนหน้า

ภาวะสมองเสื่อมส่วนหน้าหรือส่วนหน้าเป็นโรคที่สมองกลีบขมับและหน้าผากลดลงเด่นชัดมากกว่าโรคอัลไซเมอร์และโรคพิค การตายของเซลล์สสารสีเทาจะรวมกับการสะสมของ Pick bodies ในตัว เส้นใยประสาทไฟบริลลารีที่ทำจากโปรตีนเอกภาพพบได้ในเซลล์บางเซลล์

พยาธิวิทยามีลักษณะการพัฒนาอย่างรวดเร็วไม่แยแสกิจกรรมทางร่างกายและจิตใจอ่อนแอลง ความบกพร่องทางการพูดคืบหน้า การสะท้อนการจับและการดูดจะหายไป หลังจากนั้นไม่นาน การยับยั้งพฤติกรรมและความอิ่มเอมใจก็เริ่มต้นขึ้น พวกเขาได้รับการรักษาเช่นเดียวกับโรคอัลไซเมอร์ตามอาการ แต่มีประสิทธิภาพน้อย

ภาวะสมองเสื่อมจากแอลกอฮอล์

ความผิดปกติอย่างรุนแรงของระบบประสาทส่วนกลางและการหยุดชะงักของกิจกรรมปกติมักเป็นผลมาจากการเสพติดและการดื่มเหล้าอย่างต่อเนื่อง คนที่เมาสุราตลอดเวลาจะสูญเสียความคิด การรับรู้ การนับ คำพูด ความสนใจ และความทรงจำที่เพียงพอ

ผู้ป่วยจะต้องแสดงต่อจิตแพทย์ - นักประสาทวิทยา แพทย์จะประเมินระดับความเสื่อมของความสามารถทางจิตโดยใช้แบบทดสอบและแบบสอบถามและสั่งการรักษา

ภาวะสมองเสื่อมในโรคจิตเภท

ภาวะสมองเสื่อมที่เป็นโรคจิตเภทมีลักษณะเฉพาะจากการรบกวนทางอารมณ์ในระดับที่มากขึ้น ความรู้และทักษะที่ได้รับในตอนแรกจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย และสติปัญญาก็ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยไม่สามารถใช้ความรู้ได้

โรคจิตเภทเป็นโรคเรื้อรัง ดังนั้นหากสามารถหยุดการเกิดโรคได้ อาการของภาวะสมองเสื่อมก็จะหายไป ในกรณีอื่น การพยากรณ์โรคที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่งก็เป็นไปได้

นอกจากความไม่แยแสที่เพิ่มขึ้น ความไม่เป็นระเบียบ ความผิดปกติในการพูดและการสื่อสารทางสังคม อาการหลงผิดและภาพหลอนก็เกิดขึ้นด้วย แต่การพยากรณ์โรคสำหรับชีวิตเป็นบวก และหากการรักษาประสบความสำเร็จ การฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานก็เป็นไปได้

ภาวะสมองเสื่อมประเภทอัลไซเมอร์

โรคสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์เป็นคำพ้องความหมาย พยาธิวิทยาประเภทนี้มีลักษณะเป็นปรากฏการณ์ความเสื่อมหลักในการทำงานของเซลล์สมอง หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และเพียงพอ ภาวะสมองเสื่อมนี้จะทำลายบุคลิกภาพโดยสิ้นเชิงและนำความตายเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น

สัญญาณแรกของโรคอัลไซเมอร์คือการสูญเสียความทรงจำเล็กน้อยและไม่แยแสต่อกิจกรรมโปรด ยังไม่ทราบวิธีรักษาโรคสมองเสื่อมประเภทนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนกำลังพัฒนามันอยู่ แพทย์ชาวอิสราเอลสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในผลงานใหม่

อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันดีว่ายาเสพติดนั้นชะลอการสะสมของคราบจุลินทรีย์และการพัฒนาของเส้นใยที่พันกันในเรื่องสีเทา ตำแหน่งชีวิตที่กระฉับกระเฉงช่วยยืดอายุขัยของผู้ป่วยได้อย่างมาก การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องทั้งร่างกายและสมองจะสร้างวงจรประสาทใหม่ ทำให้สมองทำงานและต้านทานการฝ่อ

ระยะสุดท้ายของภาวะสมองเสื่อมนำไปสู่การเสื่อมถอยของบุคลิกภาพ สูญเสียความทรงจำ และทำอะไรไม่ถูกเลย มันเกิดขึ้นเมื่ออายุมากแล้ว 10-15 ปีหลังจากการค้นพบพยาธิวิทยา บุคคลในเวลานี้ต้องการการดูแลและเอาใจใส่

ภาวะสมองเสื่อมหลังโรคหลอดเลือดสมอง

การทำลายหลอดเลือดในสมองโดยไม่คาดคิด - โรคหลอดเลือดสมองทำให้เกิดอัมพาตส่วนล่างหรือบางส่วน แขนขาส่วนบนหากอ่อนแรงลงอาจเกิดอัมพาตด้านใดด้านหนึ่งของร่างกายได้ รอยยิ้มของผู้ถูกทดสอบบิดไปด้านข้างและเขาไม่สามารถขยับลิ้นได้ตามปกติ หลังจากเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การเดินจะบกพร่อง ชายคนนั้นขยับเท้ายืนอย่างไม่มั่นคงราวกับเมา

บุคคลหนึ่งปรากฏขึ้น อาการง่วงนอนเพิ่มขึ้น,ความไม่แยแส,ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดหายไป. ขณะเกิดโรคหลอดเลือดสมองส่วนต่างๆ ของสมองลีบ ขึ้นอยู่กับหน้าที่รับผิดชอบของสสารสีเทาส่วนนี้ การสูญเสียทักษะ การคิด และความตระหนักรู้ต่อความเป็นจริงโดยรอบก็ปรากฏชัดขึ้น

ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดมีปัญหาเรื่องการปัสสาวะเป็นประจำ การรบกวนทางอารมณ์ ภาวะที่ไม่สามารถเข้าใจได้ และทำอะไรไม่ถูก ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดภาวะซึมเศร้าและพฤติกรรมในแง่ร้าย

การรักษาที่เหมาะสมและการฟื้นฟูการจัดหาเลือดที่ดีจะทำให้ผู้ป่วยเข้าใกล้การฟื้นฟูการทำงานของการรับรู้ ความจำ และอารมณ์อย่างช้าๆ แต่แน่นอน ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้หลังจากค้นพบภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือดนานถึง 5 ปีหรือมากกว่านั้น

ภาวะสมองเสื่อมหลายโรค

การสูญเสียการทำงานของการรับรู้ที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดโรคหลอดเลือดสมองติดต่อกันหลายครั้งเรียกว่าภาวะสมองเสื่อมจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายหลายจุด (multi-infarct dementia) การสำแดงของมันขึ้นอยู่กับขอบเขตของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสสารสีเทา มีข้อสังเกตว่าภาวะสมองเสื่อมมักเกิดขึ้นหลังจากความเสียหายที่ซีกซ้าย

หลังจากการแตกของหลอดเลือดหลายครั้ง ความเสื่อมจะเพิ่มขึ้นตามขั้นตอน โรคหลอดเลือดสมองเกิดขึ้นบ่อยกว่าเมื่อมีความดันโลหิตสูง เบาหวาน และหลอดเลือดแข็งตัว ภาชนะที่แตกหลายอันอาจทำให้เสียชีวิตและเป็นอัมพาตได้ ควรฟื้นฟูการไหลเวียนโลหิตให้เป็นปกติก่อนหากบุคคลนั้นไม่เสียชีวิต

ภาวะสมองเสื่อมแบบดิจิทัล

พยาธิวิทยายุคใหม่เรียกว่าภาวะสมองเสื่อมทางดิจิทัล นักเรียนและนักศึกษาที่พึ่งพาอุปกรณ์และเครื่องคิดเลขอยู่ตลอดเวลาต่างลืมวิธีการนับในยุคของเราไปแล้ว

ใน เกาหลีใต้, ที่ไหน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แพร่หลาย การสูญเสียสติปัญญาและความเสื่อมโทรมของบุคลิกภาพเป็นที่สังเกตเห็นในประชากรส่วนใหญ่

โรคสมองเสื่อมดังกล่าวรักษาได้ด้วยแบบฝึกหัดทางคณิตศาสตร์ การคำนวณทางจิต และการไขปริศนาและปริศนา ในวัยชรา โรคสมองเสื่อมทางดิจิทัลเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่สนใจแก้ปัญหา สมการ และไม่เรียนบทเรียนกับลูกๆ หลานๆ

โรคลมบ้าหมู

โรคลมบ้าหมู – เจ็บป่วยเรื้อรัง- มันเกิดขึ้นพร้อมกับการโจมตีกระตุกเป็นระยะและหมดสติ ขึ้นอยู่กับความยาวและความลึกของการโจมตี เซลล์ประสาทลีบและบุคลิกภาพเสื่อมลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ผู้ป่วยที่มีสติปัญญาสูงมักไม่ค่อยเป็นโรคสมองเสื่อม โรคลมบ้าหมูแต่กำเนิดรักษาไม่หาย โรคลมบ้าหมูภายหลังเหตุการณ์สะเทือนใจสามารถรักษาได้ ไม่ว่าในกรณีใด ยากันชักจะยืดระยะเวลาระหว่างการชักและทำให้ง่ายขึ้น สัญญาณของภาวะสมองเสื่อมหายไป ความจำและทักษะทั้งหมดกลับมา

ภาวะสมองเสื่อมในโรคพาร์กินสัน

อาการอัมพาตจากการสั่นเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการตายของเซลล์ประสาทและการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทในส่วนใต้เยื่อหุ้มสมองของสมอง โรคพาร์กินโซนิซึมเกิดจากโรคหลอดเลือด การรับประทานยารักษาโรคจิต ยาต้านโรคหอบหืด การบาดเจ็บที่สมอง และการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังพบอาการสั่นของครอบครัวใกล้กับประเภทนี้ด้วย

ในครึ่งหนึ่งของกรณี โรคพาร์กินสันไม่ก่อให้เกิดภาวะสมองเสื่อม แต่บางครั้งสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นและมักสังเกตแนวโน้มการฆ่าตัวตาย เพราะคนอื่นมองว่าอาการสั่นอย่างต่อเนื่องนั้นไม่เพียงพอ บุคคลนี้มีความกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เริ่มในภายหลัง

โรคพาร์กินสันรักษาได้ด้วย Cyclodol, Parkopan, Midantan และวิธีการอื่น อาการของโรคสมองเสื่อมจะหายไปพร้อมกับอาการสั่นที่หาย

ภาวะสมองเสื่อมจากลาคูนาร์

ภาวะความจำเสื่อมหรือภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือดลาคูนาร์เกิดขึ้นหลังจากเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้จำกัด มักมีการแปลเป็นภาษาท้องถิ่นในส่วนต่างๆ ของสมอง ความรุนแรงของภาวะสมองเสื่อมขึ้นอยู่กับการทำงานของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเซลล์ประสาท

การรักษาหลอดเลือดมักนำไปสู่การฟื้นฟูการทำงานของมอเตอร์และความฉลาดอย่างสมบูรณ์ การฟื้นตัวช้ามาก

สาเหตุของการเกิดโรค

เส้นโลหิตตีบในวัยชรา การไม่แยแสต่อรูปร่างหน้าตา การสูญเสียทักษะและการพูดเกิดขึ้นในวัยชรา ไม่เพียงแต่ในวัยชราเท่านั้น ภาวะสมองเสื่อมแบบก้าวหน้าจะพบมากขึ้นหลังอายุ 80 ปี สาเหตุอาจเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์หรือกาแฟเข้มข้นอย่างไม่จำกัด

แอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะสมองเสื่อม กาแฟช่วยเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองและการพัฒนาของโรคหลอดเลือดสมองเสื่อม

โรคลมบ้าหมู แต่กำเนิดและหลังบาดแผลหากคุณไม่ใช้ยากันชักและไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมและเสียชีวิต

สาเหตุของภาวะสมองเสื่อมทางดิจิทัลคือการใช้เครื่องคิดเลขมากเกินไป การนับในหัวของคุณมีประโยชน์

ภาวะสมองเสื่อมที่ได้มามักส่งผลต่อผู้ที่ไม่อ่านหนังสือ เล่นปริศนาอักษรไขว้ ไม่ไปโรงละคร และไม่บังคับเซลล์สีเทาให้ทำงานหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย

มีโรคเกี่ยวข้องกันเล็กน้อย เหตุผลทางพันธุกรรมและติดเชื้อ มีการสังเกตว่าไวรัสเริมสามารถฆ่าเซลล์ประสาทได้

ภาวะสมองเสื่อมอินทรีย์หมายถึง ประเภทหลัก- เกิดขึ้นจากการตายของเซลล์ประสาทจำนวนมากซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคหลอดเลือด, โรคอัลไซเมอร์, โรคพิคส์ ภาวะสมองเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุเกิดขึ้นด้วยสาเหตุนี้ในเกือบ 90% ของกรณีทั้งหมด

ส่วนที่เหลืออีก 10% จัดเป็นโรคสมองเสื่อมทุติยภูมิ เหตุผลในกรณีนี้คือ:

• เนื้องอกมะเร็งในศีรษะ
• ความเสียหายของสมองติดเชื้อ (เยื่อหุ้มสมองอักเสบ);
• ความผิดปกติของการเผาผลาญ
• โรคต่อมไทรอยด์;
• อาการบาดเจ็บที่สมอง

อาการของภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา

อาการของโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ ได้แก่: การเปลี่ยนแปลงทั่วไปซึ่งเป็นผลมาจากการทำลายสมองภายใต้อิทธิพลของโรคต่างๆ อาการเหล่านี้มักพบมากขึ้นหลังอายุ 65 ปี แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่ถือว่าภาวะสมองเสื่อมเป็นเรื่องปกติสำหรับวัยชรา

ภาวะสมองเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุแสดงออกได้จากการสูญเสียทักษะในชีวิตประจำวัน โดยไม่แยแสกับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเคยเป็นที่รักมาก่อน ไม่สามารถสำรวจภูมิประเทศ ไม่เต็มใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผู้ป่วยไม่สามารถวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นได้เพียงพออีกต่อไป เปรียบเทียบ และสร้างความสับสนระหว่างความขมขื่นและความหวาน ผู้สูงอายุเริ่มคิดเหมือนเด็กเล็ก ไม่น่าแปลกใจที่มีการแสดงออก: ตกอยู่ในวัยเด็ก

อาการของโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุมักมาพร้อมกับภาวะซึมเศร้า บุคคลรู้สึกเหงาไร้ประโยชน์ในสภาวะที่ทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ ช่องโหว่ เพิ่มความไวและความเจ้าเล่ห์ก็ถูกแทนที่ด้วยความก้าวร้าวและการร้องไห้ได้อย่างง่ายดาย

อาการของโรคสมองเสื่อมในวัยชราบางครั้งจะมีอาการประสาทหลอนและอาการหลงผิด บุคลิกภาพเสื่อมถอยลงโดยสิ้นเชิง และจิตใจเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น การรบกวนการนอนหลับและความอยากอาหารจะมาพร้อมกับความปรารถนาอย่างต่อเนื่องที่จะวางแก้วไว้ในที่เดียว ผู้ป่วยดังกล่าวไม่ต้องการเคลื่อนย้ายอย่างเด็ดขาด

การวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมที่ได้มา

หากต้องการทราบวิธีรักษาโรคสมองเสื่อมในวัยชรา คุณจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด ใน ระยะเริ่มต้นพยาธิวิทยาผู้ป่วยเองไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเขาเสมอไป ญาติที่รักและเอาใจใส่ สังเกตว่าคนช้า คำพูดและเหตุการณ์สับสน ถอนตัว หยาบคายเกินสมควร จะพาไปหาหมอ

ความพิการและการรักษาภาวะสมองเสื่อมกำหนดโดยนักประสาทวิทยา นักบำบัด และจักษุแพทย์ ตรวจเลือดในห้องปฏิบัติการ:

• สำหรับน้ำตาล
• ไขมัน;
• อิเล็กโทรไลต์;
• ครีเอตินีน;
• การทดสอบตับ
• ฮอร์โมนไทรอยด์
• เนื้อหาองค์ประกอบย่อย
• ซิฟิลิส;

มีการตรวจสอบฮาร์ดแวร์ดังต่อไปนี้:

• Dopplerography ของหลอดเลือด
• การทดสอบยีน

การรักษาภาวะสมองเสื่อม

นักประสาทวิทยาและจิตแพทย์รู้วิธีรักษาโรคสมองเสื่อมในวัยชรา ภาวะสมองเสื่อมทุติยภูมิที่เกิดจากความผิดปกติของการเผาผลาญ โรคติดเชื้อ โรคจิตเภท โรคลมบ้าหมู การบาดเจ็บที่ศีรษะสามารถรักษาได้ เมื่ออาการของโรคสมองเสื่อมหายไป สัญญาณของโรคสมองเสื่อมก็หายไปด้วย

ภาวะสมองเสื่อมปฐมภูมิรักษาไม่หาย แต่ยา โภชนาการ อาหาร และการออกกำลังกายทุกชนิดจะช่วยยืดอายุขัยและปรับปรุงคุณภาพชีวิต

ยาเสพติด

ยารักษาโรคสมองเสื่อม:

• โดเนเปซิล;
• กาแลนโทมีน;
• ริวาสทิกมีน;
• เมแมนไทน์.

ยาที่ระบุไว้จะถูกรับประทานทุกวัน อุปกรณ์ป้องกันระบบประสาทถูกกำหนดเป็นหลักสูตรเป็นระยะ:

• เซแม็กซ์;
• ซิตี้โคลีน;
• ซีรีโบรไลซิน;
• ไกลซีน;
• คอร์เทซิน.

• ยากล่อมประสาท;
• ยาแก้ซึมเศร้า;
• ยานอนหลับ.

วิธีการแบบดั้งเดิม

นักวิจัยจากสถาบันเวชศาสตร์ฟื้นฟูพบว่าสารประกอบที่พบในองุ่นช่วยป้องกันการสูญเสียความจำที่เกี่ยวข้องกับอายุ Restveratrol ดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด มีผลดีต่อฮิบโปซึ่งเป็นพื้นที่ของสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และการเรียนรู้และช่วยในเรื่องโรคอัลไซเมอร์ ยานี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงของมะเร็งคอและศีรษะ

ดังนั้นองุ่นและไวน์แดงเล็กน้อยจึงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อมในวัยชรา ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีชีวิตยืนยาวมากหากใช้ การเยียวยาพื้นบ้านเพื่อรักษาชีวิตและฟื้นฟูการทำงานของการรับรู้

อาการและการรักษาอาการวิกลจริตในวัยชราเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่หมอแผนโบราณ

พวกเขาแนะนำให้ทำ:

• ทิงเจอร์ elecampane- ใส่วอดก้า 500 มล. ลงในรากหนึ่งช้อนเต็มเป็นเวลาหนึ่งเดือน ใช้ช้อนซุปสามครั้งต่อวันครึ่งชั่วโมงก่อนมื้ออาหารเขย่าก่อน
• บลูเบอร์รี่- น้ำผลไม้คั้นสดหรือผลไม้แช่อิ่มหนึ่งแก้วต่อวันช่วยคืนจุลภาคของเลือดในศีรษะฟื้นฟูการมองเห็นและความทรงจำ
• ส่วนผสมน้ำผึ้งหัวหอม- ผสมหัวหอมบดขูดในปริมาณเท่ากันกับน้ำผึ้ง ผลิตภัณฑ์หนึ่งช้อนโต๊ะวันละสองครั้งช่วยลดการหลงลืม
• ชาขิงกับมิ้นต์และบาล์มมะนาว- ต้มขิงก้อนสามสิบกรัมและใบสะระแหน่สองสามใบด้วยน้ำเดือด ดื่มชาหลายครั้งต่อวัน ทำให้การทำงานของสมองเป็นปกติและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

โภชนาการอาหาร

อาการ การรักษา และระยะเวลาที่คุณอยู่กับภาวะสมองเสื่อมในวัยชราส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับโภชนาการและการรับประทานอาหารที่เหมาะสม

ควรเลือกโภชนาการตามปัญหาของคุณ เช่น เมื่อใด ความดันโลหิตสูงคุณไม่ควรดื่ม กาแฟเข้มข้นและแม้แต่ชาดำที่เข้มข้นเพื่อไม่ให้เกิดอาการชักอีก

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟเข้มข้นมีข้อห้ามสำหรับโรคลมบ้าหมู การโจมตีจะน้อยลงและสั้นลง

หากหลอดเลือดของศีรษะอุดตันด้วยคราบคอเลสเตอรอลจำเป็นต้องแยกอาหารที่มีไขมันและน้ำมันหมูออกจากอาหาร กินแป้งและผลิตภัณฑ์ลูกกวาดให้น้อยลง

สัญญาณของภาวะสมองเสื่อมในผู้หญิงขึ้นอยู่กับ ระดับฮอร์โมน- เมนูควรมีอาหารที่ปรับองค์ประกอบย่อยที่จำเป็นให้เป็นปกติ จากนั้นความทรงจำและกระดูกของคุณจะแข็งแรงขึ้น หัวใจของคุณจะเต้นเป็นจังหวะ

ผักและผลไม้ เนื้อไม่ติดมัน ธัญพืช และน้ำมันมะกอกมีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุทุกคน ทิงเจอร์โสมและน้ำผลไม้จะให้ความแข็งแรงและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

การออกกำลังกาย

จะหลีกเลี่ยงภาวะสมองเสื่อมโดยไม่ออกกำลังกายได้อย่างไร? การออกกำลังกายอย่างหนักไม่เพียงแต่จำเป็นต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต่อเซลล์สีเทาของคุณด้วย แพทย์สังเกตว่าการเต้นรำซึ่งเป็นความจำเป็นในการจดจำการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน มีผลดีต่อความจำและการทำงานของสมองของบุคคล

เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่ากีฬาที่ท้าทายช่วยพัฒนาคุณภาพของสติปัญญา

จะป้องกันโรคสมองเสื่อมหรือชะลอความก้าวหน้าขณะนอนบนโซฟาได้อย่างไร? ไม่มีทาง! ตำแหน่งชีวิตที่กระตือรือร้น ความสนใจในข้อมูลใหม่ การเรียนรู้ภาษาที่ไม่คุ้นเคย การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ การดูแลบล็อกส่วนตัว และการสื่อสารบน Odnoklassniki จะทำให้ชีวิตสนุกสนานมากขึ้น

การเชื่อมต่อใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในสมองเนื่องจากการออกกำลังกายทำให้เซลล์สสารสีเทาทำงานได้ ด้วยวิธีนี้บุคคลจึงสามารถเอาชนะภาวะสมองเสื่อมและยืดอายุขัยของเขาได้

การขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของคุณด้วยการเดินผ่านสวนสาธารณะที่ไม่คุ้นเคยและการอ่านหนังสือผจญภัยที่น่าสนใจมีประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพและอายุขัยของผู้สูงอายุ

การป้องกัน

การป้องกันภาวะสมองเสื่อมในวัยชราประกอบด้วยการรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ทัศนคติในแง่ดี และความสนใจที่หลากหลายและมีชีวิตชีวา

หากคุณใช้เวลาทั้งชีวิตดื่มและต่อสู้โดยมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าในวัยชราคน ๆ หนึ่งจะมีจิตใจที่สดใสและมีสติปัญญาสูง คนขี้เมาจำนวนมากไม่ได้อยู่จนแก่เฒ่าด้วยซ้ำ

ผู้ที่สนใจแฟชั่นใหม่ล่าสุด ศึกษาสมุนไพร คำสอนเชิงปรัชญา ฝึกโยคะ วิทยาศาสตร์ และยังสามารถดูแลตัวเองได้จนถึงบั้นปลายชีวิต คนที่เล่นกีฬา สะสมผลงานศิลปะ เข้าร่วมนิทรรศการแฟชั่น ไม่ป่วยเป็นโรควิกลจริตในวัยชรา

คำถามคำตอบ

โรคสมองเสื่อมเป็นกรรมพันธุ์หรือไม่?

การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าภาวะสมองเสื่อมนั้นสืบทอดมาเฉพาะในคนเท่านั้น ในบางกรณี- เรากำลังพูดถึงประมาณ 15% ของผู้ป่วย

ความแตกต่างระหว่างภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์

ภาวะสมองเสื่อมอาจเป็นผลมาจากโรคอัลไซเมอร์หรือโรคอื่นๆ เช่น โรคพิค ภาวะสมองเสื่อมไม่ใช่โรคที่แยกจากกัน แต่เป็นสิ่งที่อาจเป็นผลมาจากการฝ่อของเส้นประสาทที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม

ความแตกต่างระหว่างภาวะสมองเสื่อมและโรคพิคส์

บุคลิกภาพที่เสื่อมถอยในผู้ป่วยโรค Pick มีสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากกลุ่มอาการอัลไซเมอร์เล็กน้อย เซลล์ประสาทได้รับผลกระทบแตกต่างกันในทั้งสองกรณี

ภาวะสมองเสื่อมเป็นผลมาจากการฝ่อของสมองส่วนหน้าและขมับในโรค Pick's แต่ภาวะสมองเสื่อมไม่ใช่พยาธิสภาพที่แยกจากกันซึ่งควรเปรียบเทียบกับพยาธิสภาพอื่น

ความวิกลจริตในวัยชรา(บุคลิกภาพสลาย) เป็นโรคเชิงลบประเภทที่รุนแรงที่สุดโดยสูญเสียความสามารถในการติดต่อด้วย สิ่งแวดล้อมเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางจิตในระหว่างกระบวนการตีบของสมอง

สาเหตุของความวิกลจริตในวัยชรา:

สาเหตุและการพัฒนาของโรคส่วนใหญ่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางโภชนาการในสมองยังไม่มีการสำรวจ สถานที่บางแห่งถูกกำหนดให้กับความบกพร่องทางพันธุกรรม แต่อิทธิพลของปัจจัยภายนอก (ภายในเฉียบพลันและ โรคติดเชื้อ) เป็นสิ่งต้องห้าม

ตามเกณฑ์อายุ โรคต่างๆ จะถูกแบ่งออกเป็นรูปแบบก่อนวัยชรา (presenile) และรูปแบบชราภาพ (senile) การจำแนกประเภทตามเหตุผลของการพัฒนามีรูปแบบดังต่อไปนี้: ภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา, โรคอัลไซเมอร์, กระบวนการตีบตันอย่างเป็นระบบในวัยปลาย (โรคของ Pick, โรคพาร์กินสัน, อาการกระตุกของฮันติงตัน)

แนวคิดสมัยใหม่ของการพัฒนาภาวะสมองเสื่อมในวัยชรานั้นมีพื้นฐานมาจากทางพันธุกรรม (การโปรแกรมทางพันธุกรรมของอายุขัย) และทฤษฎีทางภูมิคุ้มกันของการสูงวัย (การพัฒนาของการเปลี่ยนแปลง dystrophic ในเซลล์ประสาท)
การพัฒนาของโรคอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่เข้าใจ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหลักฐานที่แสดงถึงความขัดข้องของกระบวนการส่งข้อมูลทางพันธุกรรมในองค์ประกอบเซลล์ เนื้อเยื่อประสาท.

การอ่านข้อมูลในระดับเซลล์บกพร่องนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในการสังเคราะห์โปรตีน กิจกรรมของระบบเอนไซม์ กระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์ และการสะสมของผลิตภัณฑ์เมตาบอลิซึมที่เป็นพิษ (เช่น อลูมิเนียม) ในเซลล์ อิทธิพลของไวรัสไม่สามารถตัดออกได้ว่าเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรค ในโรค Pick's พบปริมาณสังกะสีที่เพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ของสมอง ซึ่งสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของเอนไซม์ที่สำคัญจำนวนหนึ่งที่ขึ้นกับโลหะ และการหยุดชะงักของกระบวนการพลังงานในเซลล์ การเปลี่ยนแปลงใน การทำงานของตัวรับ การสำแดง พิษจุลธาตุนั้นเอง

อาการของความวิกลจริตในวัยชรา:

ความผิดปกติทางจิตที่นำไปสู่ความวิกลจริตนั้นแสดงโดยทั้งกลุ่ม ป่วยทางจิตอายุสายซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยลักษณะทั่วไปหลายประการ
การเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาในสมองเกิดจากสาเหตุภายใน (รวมถึงความบกพร่องทางพันธุกรรม) และอิทธิพลภายนอกมีบทบาทกระตุ้นหรือทำให้รุนแรงขึ้น ในกรณีส่วนใหญ่ การโจมตีของโรคจะเกิดขึ้นช้าและผู้อื่นไม่สามารถสังเกตได้

หลักสูตรนี้เป็นแบบเรื้อรังโดยมีอาการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถรักษาให้หายได้ ลักษณะเฉพาะ อาการทางคลินิกคือการพัฒนาของภาวะสมองเสื่อมจากการเปลี่ยนแปลงทางสติปัญญาที่แทบจะมองไม่เห็นไปจนถึงภาวะสมองเสื่อมโดยสมบูรณ์ รัฐทั่วไปผู้ป่วยที่มี marasmus มีลักษณะอ่อนเพลียทางร่างกายอย่างรุนแรงรบกวนโภชนาการของเนื้อเยื่อ ผิว, พัฒนาการเสื่อม อวัยวะภายใน, ความเปราะบางเพิ่มขึ้นกระดูก

ภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา (ภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา):

ภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา (ภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา) มีลักษณะพิเศษคือการสลายกิจกรรมทางจิตอย่างต่อเนื่องและการพัฒนาของภาวะสมองเสื่อมโดยสมบูรณ์อันเนื่องมาจากโรคอินทรีย์ในสมอง
ผู้หญิงมีอิทธิพลเหนือผู้ป่วย ระยะเวลาเฉลี่ยของโรคอยู่ที่ 5 ถึง 8 ปี ภาวะสมองเสื่อมในวัยชราเริ่มต้นโดยไม่มีใครสังเกตเห็นจากคนรอบข้างผู้ป่วย

ในบางกรณี โรคติดเชื้อ การผ่าตัดครั้งก่อน ความผิดปกติของหัวใจ ร้ายแรง การบาดเจ็บทางจิต- ที่น่าสังเกตคือการกำเริบของลักษณะส่วนบุคคลของผู้ป่วยและ (หรือ) การปรากฏตัวของสัญญาณของการปรับโครงสร้างบุคลิกภาพในวัยชราซึ่งแสดงออกมาในการทำให้บุคลิกภาพหยาบลงขอบเขตอันไกลโพ้นและความสนใจที่แคบลงสัญญาณที่เพิ่มขึ้นของความเห็นแก่ตัวความเศร้าโศกความไม่พอใจของ ผู้ป่วย มีแนวโน้มที่จะสงสัยและมีข้อขัดแย้งเล็กน้อย

ในเวลาเดียวกันผู้ป่วยมักจะใจง่าย - พวกเขายอมจำนนต่ออิทธิพลของผู้อื่นได้อย่างง่ายดายแม้จะสูญเสียผลประโยชน์ก็ตาม ลักษณะอาการของโรค ได้แก่ การยับยั้งแรงขับต่ำ (ความตะกละ, ความปรารถนาที่จะพเนจร, การบิดเบือนทางเพศ, การสะสมสิ่งที่ไม่จำเป็น) ผู้ป่วยจะค่อยๆ หยุดใช้คำศัพท์เก่าๆ และระดับการตัดสินใจและการอนุมานจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงเริ่มต้นของโรคความจำเสื่อมจะไม่แสดงออกมาอย่างชัดเจน (วัสดุใหม่ไม่ได้ถูกรวมไว้อย่างสมบูรณ์และถูกลืมอย่างรวดเร็ว) ความจำเสื่อมของการตรึงในภายหลังจะถูกบันทึกไว้ ในกรณีนี้ ผู้ป่วยจะสับสนกับเวลา สภาพแวดล้อม และบุคลิกภาพของตนเอง

ความจำเสื่อมแบบก้าวหน้าเกิดขึ้นในลำดับตรงข้ามกับการได้มาซึ่งความรู้ทั้งหมด ชีวิตก่อนหน้า- การรับรู้ที่เพียงพอถูกรบกวนซึ่งมักมาพร้อมกับอาการ “อยู่กับอดีต” ในผู้ป่วยรอบข้าง ผู้ป่วยมองเห็นคนที่เสียชีวิตไปแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นเด็กนักเรียน สามารถรับรู้ลูกเป็นพี่น้องกัน ในฐานะพ่อแม่

การแสดงลักษณะเฉพาะของภาวะสมองเสื่อมในวัยชราคือสิ่งที่เรียกว่าอาการเพ้อในวัยชราซึ่งแตกต่างจากที่เกิดขึ้นจริงตรงที่สาเหตุของการรับรู้ความเป็นจริงที่บกพร่องไม่ใช่อาการประสาทหลอน แต่เป็นข้อบกพร่องในการรับรู้และการปฐมนิเทศ สิ่งนี้มักเกี่ยวข้องกับความปรารถนาในกิจกรรมหลอกเมื่อพฤติกรรมของผู้ป่วยมีลักษณะเฉพาะด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นซึ่งไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง หากช่วงเริ่มแรกของโรคมีลักษณะเศร้าโศกซึมเศร้าและไม่เต็มใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อมาเฉดสีของความพึงพอใจความอิ่มเอมใจความประมาทและในที่สุดความเฉยเมยโดยสมบูรณ์ก็เริ่มครอบงำอารมณ์

พฤติกรรมของผู้ป่วยเมื่อสัญญาณของภาวะสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ: ในระยะวิกลจริต ผู้ป่วยจะหมดหนทาง นอนอยู่ในท่าของทารกในครรภ์ และดำเนินชีวิตแบบเน้นพืชเป็นหลัก คุณสมบัติที่โดดเด่น ของโรคนี้คือความจริงที่ว่าแม้จะอยู่ในขั้นวิกลจริตก็ไม่มีความผิดปกติทางระบบประสาท นอนหลับตอนกลางคืนมักผิวเผินและไม่ต่อเนื่องและในระหว่างวันจะมีอาการง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัด ภาวะสมองเสื่อมในวัยชรามีลักษณะเฉพาะคือความพร้อมในการพูดที่เพิ่มขึ้น และในระยะต่อมา - ความช่างพูดที่ไม่มีความหมาย

โรคอัลไซเมอร์:

โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคที่แสดงออกในวัยก่อนชราภาพ ระยะเวลาเฉลี่ยของโรคคือ 8-9 ปี โดยมีอาการ (แสดงอาการชัดเจน) ที่อายุ 50-60 ปี โรคนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีลักษณะเฉพาะคือการพัฒนาของภาวะสมองเสื่อมและอาการโฟกัสในช่วงต้น สถานที่สำคัญในการสำแดงของโรคนั้นมอบให้กับความเสื่อมของความทรงจำ: ความสับสนในความจำเสื่อมและการสูญเสียประสบการณ์ที่ได้รับในชีวิตอย่างสมบูรณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

อาการหลงลืมมักไม่ค่อยเกิดขึ้นพร้อมกับการฟื้นคืนของประสบการณ์ในอดีต แต่อาการเพ้อในวัยชรามักไม่เกิดขึ้น ความผิดปกติของการรับรู้ ความเข้าใจ และความสนใจ เกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ และก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในช่วงเริ่มต้นของโรค ผู้ป่วยมักจะตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนเอง ในระยะต่อมา ความพึงพอใจและความอิ่มเอิบจะมีชัยเหนือ อาการที่มีลักษณะเฉพาะของโรคอัลไซเมอร์คือการพัฒนาองค์ประกอบของภาวะสมองเสื่อมในระยะเริ่มแรกไปสู่ความผิดปกติทางระบบประสาท ในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยก็สูญเสียทักษะตามปกติและทำงานที่มีชื่อเสียงอย่างโง่เขลา

ต่อมาอาการนี้จะกลายเป็น apraxia แบบถาวร การปรากฏตัวของโรคอัลไซเมอร์คือความอ่อนแอที่ก้าวหน้าของความสนใจทางสายตาและความไม่แน่นอนของทัศนคติทางการมองเห็นต่อวัตถุรอบข้าง เปลี่ยนแปลงไป ระยะแรกโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพและความยุ่งเหยิง จากนั้นให้หลีกทางให้การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะเรียบง่ายที่ซ้ำซากจำเจ การล่มสลายของการทำงานของเยื่อหุ้มสมองที่สูงขึ้นในโรคอัลไซเมอร์นั้นมาพร้อมกับการรบกวนความเข้าใจในการพูด: ระยะของความเข้าใจที่จำกัดจะถูกแทนที่ด้วยความพิการทางสมองทางประสาทสัมผัสทั้งหมด

โรคนี้มีลักษณะเฉพาะคือ logorrhea (การปะทุของคำที่ไม่สามารถควบคุมได้) การไม่รู้หนังสือทางพยาธิวิทยา และความผิดปกติของการสร้างคำ ระบบอัตโนมัติต่างๆ (รูปแบบของคำพูดที่รุนแรง) ครอบครองสถานที่ขนาดใหญ่ มักพบ Logoclonia - การพูดติดอ่างหลอกเมื่อสังเกต องศาที่แตกต่างการละเมิด: ตั้งแต่การสะดุดครั้งแรกกับตัวอักษรหรือพยางค์ตัวแรกไปจนถึงการทำซ้ำเสียงหรือ "เศษ" ของคำอย่างต่อเนื่อง

ความบกพร่องในการพูดในการเขียนมักเกิดขึ้นในระยะแรกของโรค และมักเกิดก่อนการสลายการพูดด้วยวาจา ความผิดปกติของบุคลิกภาพที่เป็นโรคจิตเป็นเรื่องปกติและสามารถแสดงได้ด้วยสภาวะหวาดระแวง อาการทางจิตของความคิดหลงผิดที่แยกออกมาว่าเป็นอันตราย การเป็นพิษหรือการประหัตประหาร อาการประสาทหลอนทางการได้ยินและการมองเห็น สภาวะของความสับสน การกระตุ้นทางจิตและการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการเร่งของกระบวนการฝ่อในสมอง .

ในโรคอัลไซเมอร์ โรคลมบ้าหมูซึ่งมักเกิดในระยะหลังของโรค (อาการชัก มักเป็นอาการเดี่ยวๆ) อาการของโรคที่พบบ่อย ได้แก่ ความผิดปกติของ subcortical: ความฝืดในการเคลื่อนไหว, ความผิดปกติของการเดินที่แยกได้, ท่าเต้นเหมือนและ myoclonic hyperkinesis ในระยะสุดท้ายของโรคกับพื้นหลังของการล่มสลายของกิจกรรมทางจิตและการทำอะไรไม่ถูกของผู้ป่วยอย่างสมบูรณ์ เพิ่มขึ้นอย่างมากกล้ามเนื้อที่บังคับตำแหน่งทารกในครรภ์, cachexia กับ bulimia, ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ, การทำหน้าบูดบึ้งอย่างรุนแรงของการร้องไห้และเสียงหัวเราะ, การพูดและการจับโดยอัตโนมัติ ตรวจพบความผิดปกติทั่วไปบนคลื่นไฟฟ้าสมอง กิจกรรมทางไฟฟ้าสมองและการเปลี่ยนแปลงลักษณะอื่น ๆ

โรคของ Pick:

โรคนี้เป็นของฝ่อที่เป็นระบบโดยมีการเปลี่ยนแปลงของแกร็นในระบบสมองบางชนิดโดยมีลักษณะการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปของภาวะสมองเสื่อมโดยสมบูรณ์การด้อยค่าของการทำงานของเยื่อหุ้มสมองที่สูงขึ้นและความผิดปกติของระบบประสาท ในโรคนี้มีความแตกต่างระหว่างการแปลหลักของกระบวนการในกลีบหรือพื้นที่บางส่วนของเปลือกสมองและการแปลโดยสมัครใจ โรคนี้พบน้อยกว่าโรคอัลไซเมอร์ถึง 4 เท่า

โรค Pick's มักถูกบันทึกเมื่ออายุ 55-56 ปี และหลังจาก 60 ปี อาการจะเกิดขึ้นน้อยกว่ามาก อัตราส่วนของผู้หญิงต่อผู้ชายคือ 1.7:1 ตามลำดับ โดดเด่นด้วยการโจมตีช้า แต่สามารถแสดงอาการเปิดเผยอย่างเฉียบพลันของโรคได้ ลักษณะเด่นของโรค Pick จากโรคฝ่ออื่น ๆ คือความโดดเด่นของการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพเชิงลึกในระยะแรกและการทำงานบางอย่างของสติปัญญา (การท่องจำ, ความจำการสืบพันธุ์, ความสนใจ, การวางแนว, การรับรู้ทางประสาทสัมผัส) และรูปแบบกิจกรรมทางจิตอัตโนมัติ (การนับ) ทุกข์น้อยลง การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพขึ้นอยู่กับการแปลกระบวนการทางพยาธิวิทยา

เมื่อกลีบหน้าผากเสียหาย เฉื่อยชา เฉื่อยชา ไม่แยแส ไม่แยแส อารมณ์แปรปรวน จิตใจบกพร่อง การพูดจา และ กิจกรรมมอเตอร์- ความเสียหายต่อเปลือกฐานจะมาพร้อมกับกลุ่มอาการหลอกเทียม, ความรู้สึกสบาย, ความหุนหันพลันแล่น, การละเมิดการคิดเชิงแนวคิดขั้นต้น (ลักษณะทั่วไป, ความเข้าใจสุภาษิต ฯลฯ ) ผู้ป่วยสูญเสียความรู้สึกของไหวพริบและไดรฟ์ที่ต่ำกว่าจะถูกยับยั้ง ด้วยการฝ่อของกลีบขมับจะมีการระบุแบบแผนของคำพูดการกระทำและการเคลื่อนไหว

อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง, โรคจิตเริ่มแรก, การเปลี่ยนแปลงโฟกัส, อาการเริ่มแรกความผิดปกติของหน่วยความจำ ในระยะแรกของโรค Pick's ความจำเสื่อมอย่างรุนแรงไม่เป็นเรื่องปกติ แต่มีการละเมิดความซับซ้อนและ หลากหลายชนิดกิจกรรมทางจิต (ความสามารถในการสรุป สรุป บูรณาการ ความยืดหยุ่นและประสิทธิผลของการคิด การวิจารณ์ และระดับของการตัดสิน) ในระยะหลัง ๆ ของโรค มักจะไม่เกิดภาวะอัตโนมัติทางปากและโลภที่เด่นชัดกับพื้นหลังของภาวะสมองเสื่อมโดยสมบูรณ์

ด้วยโรคของ Pick การสลายตัวของคำพูดอย่างค่อยเป็นค่อยไปเกิดขึ้นพร้อมกับการทำลายฟังก์ชั่นการพูดอย่างสมบูรณ์และการพัฒนาความพิการทางสมองทั้งหมด ฟังก์ชั่นการสูญเสียคำพูดเริ่มต้นด้วยการก่อตัวของแบบแผนคำพูดและ "ไม่เต็มใจ" ที่จะพูด ความเสียหายต่อบริเวณส่วนหน้าอาจส่งผลให้เกิดความบกพร่องในการพูด ความผิดปกติในการเขียนมีลักษณะเฉพาะคือ “แบบเหมารวมในการเขียน” ความผิดปกติทางจิตในโรค Pick's นั้นหาได้ยากและสามารถแสดงได้ด้วยอาการหวาดระแวง หวาดระแวง และมีอาการประสาทหลอน-หวาดระแวง ในผู้ป่วยบางราย สภาวะการผ่อนคลายกล้ามเนื้อจะถูกบันทึกโดยไม่หมดสติโดยสิ้นเชิง

ด้วยความถี่ 25-30% ความผิดปกติทางระบบประสาทอินทรีย์จะเกิดขึ้นในรูปแบบของกลุ่มอาการคล้ายพาร์กินสันและภาวะ hyperkinesis นอกพีระมิด ในระยะสุดท้ายสภาพของผู้ป่วยที่เป็นโรค Pick มีลักษณะเป็นภาวะสมองเสื่อมโดยสมบูรณ์พร้อมกับการล่มสลายของคำพูดการกระทำและการรับรู้การพัฒนาความวิกลจริตและการทำอะไรไม่ถูกโดยสิ้นเชิง ภาพคลื่นไฟฟ้าสมองเผยให้เห็นเส้นโค้ง "เชิงเส้น" ที่เรียบขึ้นและกิจกรรมทางไฟฟ้าชีวภาพโดยทั่วไปลดลง

อาการชักกระตุกของฮันติงตัน:

อาการชักกระตุกของฮันติงตันเป็นรูปแบบทางพันธุกรรมของโรคสมองเสื่อม-เสื่อม สัญญาณแรกของโรคมักถูกบันทึกไว้ในวัยกลางคนและวัยชราโดยมีอาการของภาวะ choreatic hyperkinesis อย่างกว้างขวางและความผิดปกติทางระบบประสาทอื่น ๆ และจะมาพร้อมกับความผิดปกติทางจิตต่างๆ อายุเฉลี่ย 44-47 ปี ระยะเวลารวมของโรคสูงสุด 12-15 ปี ในกรณีส่วนใหญ่ อาการที่ซับซ้อนของโรคจะนำหน้าด้วยช่วงเวลาที่ความผิดปกติทางจิตสามารถระบุได้ในผู้ป่วย: ปัญญาอ่อน, การทำงานของมอเตอร์ด้อยลง (ความซุ่มซ่าม, ขาดการประสานงานของการเคลื่อนไหว, ลายมือไม่ดี ฯลฯ )

ความผิดปกติทางจิตที่เกิดจากอาการชักกระตุกของฮันติงตันสามารถเกิดขึ้นได้ กำหนดเวลาที่แตกต่างกันหลังจากการปรากฏตัวของการเคลื่อนไหวโดยไม่สมัครใจ พร้อมกันหรือนำหน้าพวกเขา การเบี่ยงเบนทางจิตแบ่งออกเป็น 3 ประเภทของความผิดปกติทางบุคลิกภาพ: ตื่นเต้น (โกรธ, ระเบิด), ตีโพยตีพาย (ตามอำเภอใจ, มีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรม), ปิด, บุคคลที่เย็นชาทางอารมณ์

ในระยะหลังของโรค ลักษณะส่วนบุคคลจะถูกลบออกไปและความหมองคล้ำทางอารมณ์ที่เด่นชัดพร้อมองค์ประกอบของอารมณ์ร่าเริงเริ่มมีอิทธิพลเหนือกว่า ภาวะสมองเสื่อมที่มีอาการชักกระตุกของฮันติงตันมีลักษณะเฉพาะคือกระบวนการทางพยาธิวิทยา (ฝ่อ) ที่ช้านั้นไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป ตัวละครเต็ม- ผู้ป่วยบางรายสามารถทำงานง่ายๆ ที่คุ้นเคย แต่หลงทางในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย

ลักษณะเฉพาะของภาวะสมองเสื่อมที่มีอาการกระตุกของฮันติงตันคือสมรรถภาพทางจิตที่ไม่สม่ำเสมอ (การคิดกระตุก) ไม่มีการละเมิดการทำงานของเยื่อหุ้มสมองที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความผิดปกติของคำพูดในกรณีส่วนใหญ่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อคำพูด สัญญาณของความบกพร่องในการพูดจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ความเป็นธรรมชาติในการพูดและ "ความไม่เต็มใจ" ที่จะพูดพัฒนาขึ้น ความผิดปกติทางจิตในระยะเริ่มแรกของโรคมักแสดงด้วยความผิดปกติทางจิต (ความไม่เต็มใจที่จะมีชีวิตอยู่) ความผิดปกติทางจิต (ความคิดหลงผิดเกี่ยวกับความหึงหวง การข่มเหง การเป็นพิษ)

ในระยะต่อมา อาการหลงผิดจะเกิดขึ้น (คล้ายอัมพาต อาการหลงผิดที่ไร้สาระ) เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนจากโรคหลงผิดอย่างหนึ่งไปสู่อีกโรคหนึ่งได้ อาการประสาทหลอนและสภาวะประสาทหลอน-หวาดระแวงพบได้น้อยกว่ามาก การเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาทในอาการชักกระตุกของฮันติงตันแสดงโดยภาวะ choreatic hyperkinesis ทั่วไปซึ่งมีจังหวะการกระตุกของ choreatic ช้าๆ โดยมีแอมพลิจูดน้อยและมีช่วงเวลาค่อนข้างยาวโดยมีความรุนแรงของกล้ามเนื้อลดลงค่อนข้างต่ำ ในกรณีส่วนใหญ่ อาการชักกระตุกของฮันติงตันทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในภาวะสมองเสื่อมและวิกลจริตโดยสิ้นเชิง และการเคลื่อนไหวโดยไม่สมัครใจ ณ จุดนี้จะลดลงหรือหยุดลงโดยสิ้นเชิง

โรคพาร์กินสัน

โรคพาร์กินสันมักเกิดขึ้นในช่วงปลายอายุ (50-60 ปี) และเกิดจากความเสียหายที่เกิดจากความเสื่อมและแกร็นต่อระบบ extrapyramidal ของสมอง หลักสูตรของโรคเป็นแบบเรื้อรัง ภาพทางคลินิกถูกครอบงำโดยความผิดปกติของระบบประสาทในรูปแบบของการเคลื่อนไหวลักษณะ, กลุ่มอาการความดันโลหิตสูง - akinetic (กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น, ตึง, การเคลื่อนไหวที่ไม่ดี, การเดินรบกวน) และความผิดปกติของอุปกรณ์ต่อพ่วง ศูนย์ประสาท- การเปลี่ยนแปลงทางจิตไม่ค่อยสังเกต ระยะเริ่มแรกของโรคนั้นมีลักษณะของการหงุดหงิดความไม่มั่นคงทางอารมณ์ความสงสัยและความเกรงกลัว

อาการซึมเศร้าอาจส่งผลให้เกิดการพยายามฆ่าตัวตาย ในระยะหลังของโรค ผู้ป่วยจะมีอาการของกิจกรรมทางจิตที่ลดลงตามธรรมชาติ ภาวะสับสน และโรคจิตอื่นๆ ช่วงเวลานี้มีลักษณะเฉพาะคือความไม่แยแสและความเฉยเมยที่เพิ่มขึ้น (“บุคลิกภาพที่แคบลงของจิต”) ภาวะสมองเสื่อมอย่างรุนแรงเกิดขึ้นซึ่งมีลักษณะคล้ายกับภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นโรคพาร์กินสันความผิดปกติทางจิตเกิดขึ้นรองซึ่งเกิดจากธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงทางโภชนาการในท้องถิ่น

การวินิจฉัยและการวินิจฉัยแยกโรค:

การวินิจฉัยโรคที่เกิดจากกระบวนการตีบของสมองนั้นดำเนินการบนพื้นฐานของข้อมูลการสำรวจและผลการตรวจตามวัตถุประสงค์ของผู้ป่วย วิธีการวิจัยเพิ่มเติม ได้แก่ การถ่ายภาพคลื่นไฟฟ้าสมอง และการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ โรคที่เกิดจากกระบวนการฝ่อของสมองและนำไปสู่การพัฒนาของมาราสมัสจะต้องแยกออกจากกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลักสูตรผิดปกติ

การรักษาอาการวิกลจริตในวัยชรา:

ความเป็นไปได้ของการแทรกแซงยามีจำกัดมาก การดูแลและการกำกับดูแลเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากในบางกรณีผู้ป่วยไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เนื่องจากการยับยั้งการทำงานของไดรฟ์และความผิดปกติของหน่วยความจำ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นอันตรายต่อผู้อื่นและต่อตนเอง ขอแนะนำให้ปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่บ้านให้นานที่สุด (หากเป็นไปได้ที่จะให้การดูแลที่เหมาะสม) เนื่องจากความจำเป็นในการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ของโรงพยาบาลอาจทำให้อาการแย่ลงได้

จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีกิจกรรมสูงสุดของผู้ป่วยตลอดทั้งวันซึ่งจะช่วยป้องกันการพัฒนาของพยาธิสภาพของปอด, การเคลื่อนไหวที่ จำกัด ในข้อต่อ, การสูญเสียความอยากอาหารและการปรากฏตัวของแผลกดทับ ผลเชิงบวกมีอิทธิพลต่อการดำเนินของโรค การรักษาทันเวลาความผิดปกติของหลอดเลือด มีการระบุวิตามินบำบัด ยานูโทรปิกมีผลในเชิงบวกเฉพาะในระยะเริ่มแรกของโรคเท่านั้น

การต่อสู้กับอาการนอนไม่หลับรวมถึงการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การเดินเล่นในอากาศบริสุทธิ์ การยุ่งในระหว่างวัน ความระมัดระวังในการนอนบนเตียงในตอนกลางวัน ในเวลากลางคืนขอแนะนำให้สั่งยาที่มีผลสะกดจิตในขนาดเล็ก (nitrazepam, diazepam) ยารักษาโรคจิตในปริมาณน้อยจะแสดงเฉพาะเมื่อมีโรคจิตหรือมีอาการจุกจิกรุนแรง

การรักษาโรคชักกระตุกของฮันติงตันทำได้โดยใช้ยารักษาโรคจิต (อนุพันธ์ฟีโนไทอาซีนและบิวไทโรฟีโนน) หรือยาที่ลดปริมาณโดปามีนในเนื้อเยื่อ (รีเซอร์ไพน์) รีเซอร์ไพน์เข้า. ปริมาณการรักษา 0.75-1.5 มก. ต่อวันและยาอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์คล้ายคลึงกันช่วยลดจำนวนการเคลื่อนไหวโดยไม่สมัครใจได้อย่างมากลดความตึงเครียดทางอารมณ์และความผิดปกติทางพฤติกรรมทางจิต นอกเหนือจากยาเหล่านี้แล้วยังมีการระบุการบริหาร chlorpromazine และยาที่รบกวนการสร้างโดปามีน (methyldopa)

การแทรกแซงการรักษาโรคพาร์กินสัน ได้แก่ การให้ยาต้านโคลิเนอร์จิค (อะโทรปีน, สโคโพลามีน), ยาสังเคราะห์ (ไซโคลโดล, โทรปาซิน, ริดินอล, ไดนีซิน, มายโดคาล์ม) และวิตามินบี 6 แอล-โดปาช่วยลดการตึงของกล้ามเนื้อ การผ่าตัดบางครั้งใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยอายุน้อยที่เป็นโรคพาร์กินสัน

การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตที่แสดงออกเล็กน้อยนั้นดำเนินการในโรงพยาบาลทางระบบประสาท ในกรณีที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพทางจิตอย่างรุนแรง จะต้องเข้ารับการรักษาในแผนกจิตเวชโดยจะมีการสังเกตภายหลังในแผนกจ่ายยาทางจิตประสาทวิทยา การพยากรณ์โรคขึ้นอยู่กับความเร็วของกระบวนการสลายบุคลิกภาพและการมีอยู่ โรคที่เกิดร่วมกัน- ผู้ป่วยทุกรายที่มีอาการวิกลจริตจะเป็นคนไร้ความสามารถ ไร้ความสามารถ และวิกลจริต

มันเสื่อมสภาพตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งนี้แสดงออกในโรคของกระดูกและข้อต่อและในความผิดปกติของอวัยวะภายในและสิ่งที่เลวร้ายอย่างยิ่งคือในการตายของเซลล์สมอง

อาการของคนตกอยู่ในอาการวิกลจริต

ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะสูญเสียความชัดเจนทางจิตตามอายุ นอกจากนี้ยังมีคนทำงานที่ได้รับเกียรติที่มีชื่อเสียงของสถาบันวิจัยที่มีอายุเกิน 80 ปี และอาจารย์ในสาขาวิชาที่ซับซ้อนในมหาวิทยาลัยที่เกษียณอายุไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม marasmus ไม่ใช่โรคที่หายากและสัญญาณที่บ่งบอกว่าอยู่ใกล้แค่เอื้อมก็คุ้มค่าที่จะพูดถึงแยกกัน

มันเกิดขึ้นที่ผู้สูงอายุจะค่อยๆ บูดบึ้ง หงุดหงิด เสื้อผ้ารุงรัง และขี้ลืม บ่อยครั้งที่ญาติและเพื่อนถือว่าสิ่งนี้เป็นการเสื่อมถอยในลักษณะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากสาเหตุตามธรรมชาติ เมื่อพิจารณาว่าพฤติกรรมเป็นบรรทัดฐานประเภทหนึ่ง พวกเขาเสียเวลาอันมีค่าและหันไปหาเฉพาะเมื่อพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปของญาติผู้สูงอายุกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้

ควรเข้าใจว่าอาการวิกลจริตในวัยชราหรือที่เรียกว่าภาวะสมองเสื่อมเป็นโรคหนึ่ง และมีเพียงจิตแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้นที่สามารถวินิจฉัยได้ หากคุณสงสัยว่าญาติคนใดคนหนึ่งของคุณกำลังประสบปัญหาบุคลิกภาพลดลงตามอายุ ให้จัดการขอคำปรึกษาแบบเห็นหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกหัด

สัญญาณของความวิกลจริตในวัยชราที่ชัดเจน

อาการที่เด่นชัดที่สุดของภาวะสมองเสื่อมคือความเลอะเทอะและไม่เป็นระเบียบ นอกจากนี้เขายังประสบปัญหาในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันตามปกติ เช่น ไปร้านค้าหรือทำความสะอาด ในขั้นตอนนี้บุคคลยังสามารถดูแลตัวเองได้ แต่เขาต้องการใครสักคนจากครอบครัวเพื่อเตือนเขาถึงเรื่องนี้

สัญญาณอีกประการหนึ่งของระยะเริ่มแรกของความวิกลจริตในวัยชราคือการเสื่อมสภาพในความทรงจำของบุคคลพร้อมกับการละเมิดแนวคิดเรื่องเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย บุคคลอาจสูญเสียการปฐมนิเทศ

ในที่สุด “ระฆัง” อันแรกๆ ที่อาจบ่งบอกถึงอาการวิกลจริตคือการที่บุคคลไม่เต็มใจที่จะสื่อสารกับผู้อื่น ความอยากที่จะอยู่สันโดษนี้เป็นสิ่งที่คนที่รักซึ่งชอบเก็บตัวมาโดยตลอดจะมองว่าแปลกเป็นพิเศษ

หากมีอาการสองอย่างขึ้นไปที่อาจบ่งบอกถึงภาวะสมองเสื่อมควรปรึกษาแพทย์เพื่อไม่ให้เกิดโรคที่เป็นไปได้

เรือมีความผิด

วัยชราไม่ได้หมายถึงภาวะสมองเสื่อมแต่อย่างใด จิตแพทย์มั่นใจได้ หลายคนสามารถรักษาสุขภาพจิต ความจำที่ดีและความแข็งแรงในวัยชราได้

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักประการหนึ่งที่เกือบทุกครอบครัวต้องเผชิญคือพฤติกรรมของญาติผู้สูงอายุที่ไม่เพียงพออย่างที่เห็น

ความจริงก็คือตัวแทนของคนรุ่นเก่าต้องทนทุกข์ทรมานจากความผิดปกติทางจิตบ่อยกว่าคนวัยกลางคน สิ่งที่เราเรียกว่า "การเข้าสู่วัยชรา" มี คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์- Marasmus เป็นชื่อที่ตั้งให้กับภาวะสมองเสื่อมแบบก้าวหน้าซึ่งมีความผิดปกติของมอเตอร์และระบบประสาทอัตโนมัติ

สาเหตุของความวิกลจริตในวัยชราคืออะไร?

“ร่างกายมีอายุมากขึ้น และสมองก็มีอายุมากขึ้นตามไปด้วย” มารินา ลิสเนียก จิตแพทย์ ผู้สมัครสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว “อย่างไรก็ตาม บางคนไม่เพียงประสบกับความชราทางสรีรวิทยาเท่านั้น แต่ยังพบความชราทางพยาธิวิทยาด้วย ซึ่งมาพร้อมกับความผิดปกติทางจิต ในด้านจิตเวช มีการอธิบายกลุ่มความผิดปกติหลายกลุ่ม ซึ่งเรียกว่าโรคจิตแบบไม่เปลี่ยนแปลง มีภาวะซึมเศร้าโดยไม่ได้ตั้งใจ, หวาดระแวง - ความผิดปกติทางประสาทหลอนเมื่อบุคคลคิดว่าเขาถูกข่มเหงพวกเขากำลังทอผ้าสมรู้ร่วมคิด สติปัญญาและความจำอาจลดลง - น่าเสียดายที่ไม่ใช่เรื่องแปลก บ่อยครั้งผู้คนวินิจฉัยตนเองว่าผู้สูงอายุเป็น “คนวิกลจริตในวัยชรา” หรือ “วิกลจริต” แต่ระดับความมีสติจะถูกกำหนดโดยการสอบและศาลเท่านั้น

คนที่ต้องเผชิญกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของญาติบ่นถึงสัญญาณเดียวกัน คนเฒ่าเริ่มซ่อนเงิน อาหาร สงสัยคนอื่น บ่นเรื่องความหิวและการกลั่นแกล้งจากเด็ก (แน่นอนว่าเราไม่พิจารณากรณีที่ร้ายแรงซึ่งผู้สูงอายุตกเป็นเหยื่อของญาติ)

- หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณทั่วไปใดๆ เรากำลังพูดถึงเกี่ยวกับความผิดปกติทางจิตอยู่แล้ว ความกลัวความยากจนและความหิวโหยทำให้ผู้คนซ่อนขนมปังไว้ใต้ที่นอน บางทีนี่อาจเป็นเพียงความหวาดระแวงโดยไม่สมัครใจ แต่ การวินิจฉัยขั้นสุดท้ายแน่นอนว่าได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์เท่านั้น สาเหตุหนึ่งของความผิดปกติดังกล่าวคือพยาธิสภาพของหลอดเลือด โรคหลอดเลือดในสมองตีบในปัจจุบันพบได้บ่อยมาก และไม่มีแนวโน้มที่จะลดจำนวนผู้ป่วยลง อาการป่วยจะค่อยๆเกิดขึ้น โรคประสาทและความวิตกกังวลอาจพัฒนา และอารมณ์อาจลดลง แต่สติปัญญาและความจำยังไม่ได้รับผลกระทบ ขณะนี้การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดเกิดขึ้นกับผู้ป่วยอายุสามสิบปี

“ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมีความเสี่ยง” Marina Anatolyevna กล่าว “อาหารของเรายังส่งผลต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นด้วย เรากินอาหารจากสัตว์มากขึ้นและมีเส้นใยหยาบน้อยลง คอเลสเตอรอลจะค่อยๆสะสมในร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรวมใยอาหารหยาบไว้ในอาหารให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สารเติมแต่งที่ใช้งานอยู่- แต่คุณต้องทำสิ่งนี้เป็นประจำ

“ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าในวัยชราลักษณะนิสัยทั้งหมดจะรุนแรงมากขึ้น” Marina Anatolyevna กล่าว — หากบุคคลนั้นรุนแรง เขาจะกลายเป็นคนก้าวร้าว ถ้าเขาตระหนี่ เขาจะกลายเป็นคนโลภในทางพยาธิวิทยา คุณสมบัติเพิ่มเติมอาจปรากฏขึ้นที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน เช่น ความโกรธ บางทีนี่อาจเป็นปฏิกิริยาป้องกัน ยังมีพลังงานเหลืออยู่มาก แต่ไม่มีกำลัง และหนทางที่จะใช้มัน ผู้คนจึงโยนความสิ้นหวังออกไป

มีเพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถระบุได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเองนั้นเกิดขึ้นที่ใด และเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันนานหลายปี แต่ญาติก็เรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์และลักษณะของคนแก่ บางครั้ง “ความโง่เขลา” อาจเกิดจากเหตุผลที่เข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ เหตุผลที่ค่อนข้างธรรมดาและสมเหตุสมผลมากสำหรับความขุ่นเคืองและความฉุนเฉียวอย่างลึกซึ้งของผู้เฒ่าก็คือพวกเขาถูกใช้และละทิ้งโดยไม่จำเป็น และสถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ตราบใดที่สุขภาพเอื้ออำนวย ผู้คนก็เลี้ยงดูลูกหลาน ช่วยเหลือลูกที่โตแล้วอย่างสุดกำลัง และมักจะสนับสนุนครอบครัวของคนหนุ่มสาวด้วยซ้ำ เมื่ออายุมากขึ้น พวกมันก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ญาติรุ่นเยาว์มองว่าการตำหนิและการโจมตีเชิงรุกทั้งหมดถือเป็นความวิกลจริต ในกรณีเช่นนี้ผู้สูงอายุอาจจับจ้องไปที่ตอนหนึ่ง -“ ฉันขายเดชาให้คุณ (ฉันออกจากงานเปลี่ยนอพาร์ทเมนต์)”

การเสียชีวิตของญาติและเพื่อนทำให้เกิดความเครียดอย่างมาก และบางครั้งก็ส่งผลที่ตามมาอย่างถาวรสำหรับผู้สูงอายุ เป็นเรื่องยากเมื่อเพื่อนฝูงจากไปทีละคน และยิ่งยากกว่าที่จะฝังลูกและคู่สมรสของคุณเอง

อีกเหตุผลหนึ่งของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นเพราะการใช้ยาเกินขนาดเป็นประจำ ผู้สูงอายุมักใช้ ยาต่างๆในปริมาณมหาศาล บางครั้งก็เข้ากันไม่ได้และบ่อยครั้งก็ไม่จำเป็นเลย นอกจากนี้ในวัยนี้ ยาจะใช้เวลานานกว่าและดูดซึมได้แย่ลงอีกด้วย ผลพลอยได้อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด

ทั้งหมดนี้มักจะสามารถกระตุ้นได้ ความกลัวครอบงำ(อุบัติเหตุ, อันธพาล, การได้รับรังสีผ่านซ็อกเก็ต), ความปรารถนาที่จะควบคุมทุกสิ่งอย่างต่อเนื่อง, ความต้องการความสนใจในตนเองเพิ่มขึ้น

ความทรงจำเป็นเวลาหลายปี

“คุณต้องค้นหากลุ่มความสนใจของตัวเองอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกระท่อม งานฝีมือ งานสังคมสงเคราะห์” Marina Lisnyak กล่าว - สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรับมือกับภาวะซึมเศร้า ความกังวล และความวิตกกังวลได้

อย่างไรก็ตาม คนหนุ่มสาวเข้าใจผิดว่าสัญญาณแรกของวัยชราคือการบ่นและการบ่น

“ ไม่มีอะไรแบบนั้น” Marina Anatolyevna มั่นใจ “ฉันรู้จักคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่บ่นและบ่นไม่น้อย พวกเขามีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง กระทำ ในขณะที่คนสูงอายุสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความปรารถนาที่ไม่บรรลุผลเท่านั้น ช่วยเขาหากมีโอกาสแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม บางครั้งญาติของผู้ป่วยก็ต้องการความช่วยเหลือไม่แพ้กัน มีหลายกรณีที่ผู้เฒ่าเหนื่อยล้าแม้แต่ลูกและหลานที่เป็นแบบอย่างด้วยความต้องการและความจู้จี้จุกจิกของพวกเขา

“สถานการณ์ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติเมื่อผู้สูงอายุเริ่มตำหนิและตำหนิญาติของตนโดยไม่มีเหตุผล” Marina Lisnyak กล่าว “และพวกเขาทำในที่สาธารณะ โดยให้เพื่อนบ้านและคนรู้จักมีส่วนร่วมในการสนทนา ไม่จำเป็นต้องโกรธและขุ่นเคืองเพราะฉะนั้นคุณจึงทำร้ายตัวเอง อธิบายสถานการณ์ให้เพื่อนและครอบครัวของคุณฟัง - พวกเขาจะเข้าใจ แต่คุณต้องเชิญเพื่อนบ้านเข้าบ้านบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ สื่อสารกับพวกเขาให้มากขึ้น แล้วพวกเขาเองจะเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีในครอบครัวของคุณ

จัดทำโดย Nadezhda Frolova

จะทำอย่างไร?

- มีส่วนร่วม: ใน "เกม" แม้ว่าจะทำให้คุณหงุดหงิดในตอนแรกก็ตาม “บ้านฉันไม่มีแม้แต่แครกเกอร์ด้วยซ้ำ ฉันเหนื่อยมาก” คุณยายวัย 80 ปีบ่นกับเพื่อนบ้าน หลานสาวที่อาศัยอยู่กับเธอรู้สึกขุ่นเคืองจนน้ำตาไหล - เป็นไปได้อย่างไรเพราะทุกอย่างดูเหมือนจะเพียงพอแล้ว แต่จริงๆ แล้วไม่มีแครกเกอร์เพราะคุณย่าไม่มีอะไรจะเคี้ยวและเธอชอบของหวานกับชา หลานสาวของฉันซื้อแครกเกอร์ที่แตกต่างกันสามห่อในคราวเดียว เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่พวกเขาถูกนำเสนอต่อคุณยายในการ "คร่ำครวญ" ครั้งแรก

หากผู้เฒ่าต้องการให้คุณปิดหน้าต่างทันที "เพราะมีคนเข้ามา" ให้ปิดหน้าต่างโดยไม่ต้องทะเลาะกัน

— ให้ญาติของคุณได้รับข่าวสารล่าสุดอยู่เสมอ แต่การดูทีวีก็ไม่เพียงพอเช่นกัน ให้ผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้หญิงมีส่วนร่วมใน "การนินทา" ที่บริสุทธิ์และเป็นที่รู้จัก โลกของผู้สูงอายุไม่ได้เต็มไปด้วยเหตุการณ์และข่าวสารอีกต่อไป ดังนั้นควรบอกคุณยายของคุณด้วยใบหน้าลึกลับเป็นประจำว่า "คนนี้ขายอพาร์ทเมนต์และหย่าร้าง" "เดชาของเพื่อนบ้านถูกขโมย" ถ้าคุณยายของคุณคร่ำครวญทั้งวันเพราะเพื่อนบ้านแกล้งกัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณคลายการจู้จี้จุกจิกชั่วคราวได้

— มอบของขวัญสำหรับวันและวันหยุดที่น่าจดจำทั้งหมด แม้ว่าคน ๆ หนึ่งดูเหมือนจะมีทุกอย่างอยู่แล้วและดูเหมือนว่าไม่มีอะไรต้องการอีกแล้ว กระเป๋า, กระเป๋า, ปฏิทินติดผนัง, วิทยุขนาดเล็ก, ของอร่อย - คุณอาจพบกับคำบ่นที่ไม่พอใจและการกล่าวหาว่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่ถึงกระนั้นคุณก็ยังนำช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์มาสู่คนที่คุณรัก

บทความที่คล้ายกัน

ป้องกันตัวเองอย่างไรไม่ให้เป็นหวัด - ป้องกันช่วงระบาด! จะทำอย่างไรถ้าคุณเป็นไข้หวัดใหญ่

นักวิทยาศาสตร์สังเกตเห็นว่าการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่รุนแรงเกิดขึ้นทุกๆ 40-50 ปี ไม่บ่อยนัก และโรคระบาดร้ายแรงครั้งสุดท้ายคือในปี 2552 ซึ่งหมายความว่าที่ไหนสักแห่งจนถึงปี 2049 เราจะนอนหลับได้อย่างสงบสุข และฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ไม่ได้สัญญาอะไรกับเราที่ผิดปกติ… “เสน่ห์” ของโรคหลอดลมอักเสบใช่ไหม? ภูเขาไฟที่ตื่นขึ้นที่หน้าอกนั้นแสดงออกมาด้วยอาการไอที่เหนื่อยล้าซึ่งจะแย่ลงในเวลากลางคืน เราใช้เวลาทั้งคืนในห้องครัว ความหวังสุดท้ายสำหรับชาร้อนสักแก้ว...

การรักษา endometriosis ของ retrocervical: อะไรเป็นตัวกำหนดประสิทธิผลของมัน?

Endometriosis เรียกว่า retrocervical หากตรวจพบจุดโฟกัสของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ผนังด้านหลังของคลองปากมดลูกและคอคอดของมดลูก นี่คือที่ตั้งหลักของพวกเขา เมื่อโรคดำเนินไป การก่อตัวของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สามารถแพร่กระจายไปยังเอ็นของมดลูก เยื่อบุช่องท้อง น้ำเหลืองของลำไส้ใหญ่ และผนังลำไส้...

Endometriosis: สาเหตุอาการและอาการการรักษา

Endometriosis เป็นหนึ่งในสิ่งที่ลึกลับที่สุด โรคทางนรีเวช- นี่คือการเจริญเติบโตที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยของเยื่อบุมดลูกหรือเนื้อเยื่อที่คล้ายกัน แต่อยู่นอกมดลูก หากโรคเกิดขึ้นที่ผนังมดลูก...

ทุกคนในชีวิตของเขาต้องเผชิญกับคำว่า "ความวิกลจริต" ส่วนใหญ่มักดูถูกคนที่แปลกประหลาดหรือประพฤติตัวไม่ดีพอ Marasmus มักมีสาเหตุมาจากผู้สูงอายุที่มีลักษณะที่เป็นอันตรายหรือหลงลืมชั่วคราวโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามเบื้องหลังคำนี้โกหก การเจ็บป่วยที่รุนแรงซึ่งมีการแสดงออกหลายรูปแบบและสัญญาณแสดงอาการที่ร้ายแรง ลองดูปัญหานี้โดยละเอียด

คุณสมบัติของโรค

Marasmus เป็นการสำแดงของความผิดปกติ กิจกรรมของสมองซึ่งแสดงออกผ่านการคิด ความจำ การประสานงาน และพฤติกรรมทางจิตของบุคคล อย่างไรก็ตาม อันตรายหลักของการปรากฏตัวของมันคือโรคเป็นอาการหลักและสำคัญของความจริงที่ว่าร่างกายตกอยู่ในอันตราย หยุดการต่ออายุเซลล์ และ อวัยวะภายในก็เริ่มเสื่อมลงและแก่ลงเรื่อยๆ โรคนี้ยังส่งสัญญาณว่าความเหนื่อยล้าและการหยุดการทำงานที่สำคัญทั้งหมดเกิดขึ้น บ่อยครั้งจะมีอาการเส้นโลหิตตีบหรือความผิดปกติทางบุคลิกภาพอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งหมายความว่าเซลล์ที่กำลังจะตายในร่างกายจะถูกแทนที่ด้วยแคลเซียมหรือไขมัน ในที่สุดสิ่งนี้นำไปสู่การแก่ชราและความตายอย่างรวดเร็ว Marasmus ไม่สามารถหยุดหรือรักษาให้หายขาดได้ แต่กระบวนการนี้สามารถชะลอตัวลงและเข้าสู่ระยะสงบเงียบได้

ส่วนใหญ่แล้วในระยะก้าวหน้าของ marasmus ผู้ป่วยจะทำอะไรไม่ถูกอย่างแน่นอนประสานงานในอวกาศและการเคลื่อนไหวได้ไม่ดี เขาอาจจะหมดแรงและถูกล่ามโซ่ไว้ด้วย ที่นอน- เมื่อเวลาผ่านไป การรับรู้โลกที่แท้จริงก็หายไป และญาติสนิทก็ดูเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้า ผู้ป่วยดังกล่าวสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่รุนแรงเท่านั้น เช่น ความเย็น เสียงดัง หรือความเจ็บปวด การเปลี่ยนแปลงในร่างกายดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นลักษณะเฉพาะของความผิดปกติร้ายแรงในเปลือกสมอง

บ่อยครั้งที่โรคนี้ปรากฏในผู้หญิง แต่เพศที่แข็งแกร่งกว่าก็มีความเสี่ยงเช่นกัน Marasmus สามารถพัฒนาอย่างรุนแรงหลังอายุ 60 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบุคคลนั้นป่วยมาเป็นเวลานานหรือมีโรคเรื้อรัง ในวัยนี้ การสูญเสียความแข็งแรงและความอยากอาหารลดลงซึ่งเป็นสัญญาณแรกของการเจ็บป่วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีความวิกลจริตด้านโภชนาการอีกด้วย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดโปรตีนและพลังงาน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความต้องการของร่างกายไม่สามารถตอบสนอง และการหยุดชะงักของการทำงานและการทำงานของไม่เพียงแต่สมองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทั้งหมดด้วย ระบบภายในและอวัยวะต่างๆ

ปัจจุบันภาวะโภชนาการผิดปกติเป็นปัญหาอันดับ 1 ของโลก ทุกวันนี้ การเสียชีวิตทุกๆ สามบนโลกนี้เกิดจากความหิวโหยหรือสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับภาวะทุพโภชนาการหรือคุณภาพไม่ดี และ ภาวะทุพโภชนาการ- โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศโลกที่สาม ซึ่งความยากจนสูงทำให้ผู้คนไม่สามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือความวิกลจริตทางโภชนาการมักเกิดขึ้นในทารก เด็ก และวัยรุ่นที่ขาดสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างเต็มที่ โดยเฉลี่ยแล้วโรคนี้สามารถแสดงออกได้หากปริมาณแคลอรี่ในอาหารประจำวันของบุคคลลดลงอย่างน้อย 30-40 เปอร์เซ็นต์ของบรรทัดฐาน

สาเหตุหลักของการเกิดโรค

สาเหตุของโรคนี้ไม่ใช่แค่คุณภาพของโภชนาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากโรคต่อไปนี้:

• ความชราของร่างกาย
• โรคเฉียบพลันและติดต่อ (ซิฟิลิส, การระงับ, ท้องร่วง);
• โรคร้ายแรง (มะเร็ง, เอชไอวี, เอดส์);
• อัมพาต ภาวะอัมพาตของร่างกาย
• พิษจากสารปรอทหรือสารพิษและสารพิษอันตรายอื่น ๆ
• พันธุกรรม โปรแกรมทางพันธุกรรม
• โรคไวรัส

อาการและอาการแสดง

สัญญาณหลักของความวิกลจริตสามารถปรากฏได้ตลอดเวลา นอกจากความวิกลจริตด้านโภชนาการของเด็กแล้ว ยังมีความวิกลจริตในวัยชราและวัยชราอีกด้วย ในทุกกรณีอาการจะปรากฏในลักษณะเดียวกันโดยประมาณ - ผู้ป่วยเริ่มลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วกล้ามเนื้อลีบผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีซีดและมีสีเทาอมเขียว สัญญาณแห่งวัยที่เห็นได้ชัดเจนและชัดเจนปรากฏขึ้น ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ความเหนื่อยล้า หายใจไม่สะดวก อ่อนเพลีย สูญเสียความแข็งแรง ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยล้าตลอดเวลา เป็นลม ความจำไม่ดี และหมดสติ อาการของความวิกลจริตในวัยชรา แบบฟอร์มที่ถูกละเลยอาจแสดงออกมาในรูปของอาการตาบอดและหูหนวก ผมร่วง โลหิตจาง และปัญญาอ่อนโดยสมบูรณ์

สัญญาณของความวิกลจริตอาจปรากฏขึ้นหลังจากอายุ 40 ปี สิ่งนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะกับญาติที่เริ่มสังเกตเห็นความแตกต่างในพฤติกรรมของบุคคล ความเพียงพอ และความสามารถทางจิต เมื่ออายุ 60 ปี พวกเขาสามารถก้าวหน้าและเข้าสู่ภาวะวิกลจริตในวัยชรา ซึ่งเป็นกระบวนการในร่างกายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ ผู้คนมีมากขึ้น วัยผู้ใหญ่อาการวิกลจริตมักถูกมองข้ามโดย "ความซับซ้อนของอุปนิสัย" ความเหนื่อยล้า และไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่ควรแจ้งเตือนผู้ใกล้ชิดบุคคลดังกล่าวอย่างชัดเจน ช่วงเวลาของ "ความซบเซา" และความซ้ำซากจำเจเป็นเพียงหนึ่งในสัญญาณที่เด่นชัดของความวิกลจริตในวัยชรา

โรคนี้ดำเนินไปค่อนข้างช้า การเปลี่ยนแปลงและลักษณะนิสัยหลายอย่างมีสาเหตุมาจากวัยชราและวัยชรา อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปก็สามารถแสดงออกถึงความร้ายแรงได้ ผิดปกติทางจิตและการบาดเจ็บ ชีวิตที่เป็นโรคสมองเสื่อมโดยสมบูรณ์สามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 5 ถึง 8 ปี

การป้องกันและรักษาโรค

ผู้เชี่ยวชาญสมัยใหม่แนะนำว่าอย่ารอให้เกิดกระบวนการที่ไม่สามารถย้อนกลับได้และต้องกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณล่วงหน้า อาการและการรักษาโรคอาจล่าช้าเป็นเวลาหลายสิบปีหากคุณรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมและทันท่วงที อาหารที่ดีเยี่ยมสำหรับโรคนี้คืออาหารที่ประกอบด้วยอาหารทะเล ปลา เนื้อสัตว์ ผลไม้และผัก ควรมีเกลือและไขมันสัตว์อยู่เบื้องหลัง ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามเป็นผู้นำ ชีวิตที่กระตือรือร้น,เล่นกีฬา,เดินในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์บ่อยขึ้น ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงอาการวิกลจริตในระยะเริ่มแรกโดยการทำให้ร่างกายอิ่มด้วยสารที่มีประโยชน์และวิตามินในเวลาที่เหมาะสม

การรักษาอาการวิกลจริตควรประกอบด้วยแนวทางที่ถูกต้องและการดูแลผู้ป่วย นอกจากความสบายทางจิตใจแล้ว สิ่งสำคัญคืออย่าลืมสิ่งพิเศษ ยาซึ่งจะช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดี หากผู้ป่วยยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ไม่ควรส่งผู้ป่วยไปยังแผนกเฉพาะทางหรือโรงพยาบาลไม่ว่าในกรณีใด นี้สามารถเร่งให้เกิดโรคได้อย่างมาก และบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยจะเป็นตัวเร่งให้เกิดความก้าวหน้า ผิดปกติทางจิต- นอกจากนี้การรักษา marasmus ควรมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มกิจกรรมของผู้ป่วยหากได้รับอนุญาตในสภาพของเขา การเคลื่อนไหวจะช่วยหลีกเลี่ยงแผลกดทับซึ่งมักเกิดขึ้นกับผู้ที่เป็นโรคนี้

ดูแลผู้ป่วย

ก่อนอื่นคุณต้องได้รับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดพร้อมกับใบสั่งยาบางชนิด อันดับที่สองคือสภาพร่างกายและจิตใจของเขา - ผู้ป่วยต้องการโภชนาการการดูแลและความห่วงใยที่เหมาะสมและทันเวลาสำหรับเขา อย่าลืมสุขอนามัยส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวหากเขาไม่สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง ผู้สูงอายุที่มีภาวะนี้จำเป็นต้องได้รับการนวด การออกกำลังกายและอุ่นเครื่อง ซึ่งจะช่วยให้โรคนี้อยู่ได้นาน ชั้นต้นการพัฒนาและจะทำให้ความก้าวหน้าช้าลงอย่างมาก