องค์ประกอบและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ของน้ำนมแม่ น้ำนมแม่: องค์ประกอบ สรรพคุณ ประโยชน์

ยังมีข่าวดีเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมอีกด้วย น่าเสียดายที่แนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งเต้านมนั้นเกิดจากพันธุกรรมจริงๆ แต่ไม่ว่าแนวโน้มนี้จะเป็นจริงหรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้น เมื่อใด ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเวลานานจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้และเลื่อนออกไปได้อย่างแน่นอน

ผู้หญิงที่มียีน BRCA1 (ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสเป็นมะเร็ง 75%) การให้นมบุตรอย่างน้อยหนึ่งปีช่วยลดความเสี่ยงของโรคได้ 32%การให้อาหารเป็นทางเลือกเดียวในการป้องกัน ก่อนการค้นพบนี้ ผู้หญิงจำนวนมากที่มียีนนี้เลือกที่จะทำการผ่าตัดมะเร็งเต้านมสองครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการพกพาระเบิดเวลาไว้ในตัว ตามที่นักวิทยาศาสตร์ได้สะท้อนให้เห็นในการศึกษาเรื่อง "การให้นมบุตรและความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในพาหะกลายพันธุ์ BRCA1 และ BRCA2" ในแต่ละปีของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งในกลุ่มนี้ได้อีก 19%.

การศึกษาใหม่โดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวสเปน ซึ่งตีพิมพ์โดยพวกเขาในเดือนสิงหาคม 2013 ช่วยให้เราสามารถเน้นประเด็นผลกระทบของการให้นมบุตรต่อมะเร็งเต้านมได้นักวิทยาศาสตร์ชาวสเปนในพวกเขาการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2556 หลังจากวิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้ว ประวัติทางการแพทย์ผู้ป่วย 504 รายอายุระหว่าง 19 ถึง 91 ปีที่ได้รับการรักษามะเร็งที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย San Cecilio ระบุปัจจัยหลักสองประการที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนามะเร็งเต้านม ทั้งสองอย่างนี้ค่อนข้างคาดเดาได้ การสูบบุหรี่ทำให้การพัฒนาของมะเร็งใกล้เข้ามามากขึ้น ในขณะที่การให้นมลูกนานกว่า 6 เดือนทำให้การพัฒนาล่าช้าออกไป ผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ซึ่งให้นมลูกเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนจะพัฒนาเป็นมะเร็งเต้านมโดยเฉลี่ยช้ากว่าผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่แต่ให้นมลูกเป็นเวลา 3 ถึง 6 เดือนหรือไม่ได้ให้นมเลยโดยเฉลี่ย 10 ปี! และตามที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ การให้นมบุตรในแต่ละปีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ 4.3%อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่การป้องกันนี้จะหยุดทำงานหากผู้หญิงสูบบุหรี่ แม้แต่มารดาที่ให้นมบุตรในระยะยาวก็ยังต้องเข้ารับการรักษาในคลินิกด้วยโรคมะเร็งเร็วกว่าผู้ที่ให้นมบุตรเป็นเวลานานเท่าๆ กัน แต่ไม่สูบบุหรี่...

นอกจากนี้ยังมีหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าการให้นมบุตรอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

ในปี พ.ศ. 2545 การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Epidemiology ได้ให้การวิเคราะห์ที่ครอบคลุม 12 เรื่องก่อนหน้านี้ งานทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่ให้นมบุตรมีมากขึ้น ระดับต่ำเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิด การศึกษาในปี 1986 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine พบว่าการให้นมบุตรโดยการลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ลดการระคายเคืองของเยื่อบุมดลูก และช่วยป้องกันมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

นิตยสารอเมริกันฉบับเดือนมิถุนายน สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา (“สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา”) ตีพิมพ์ ขณะนี้ประมาณ 23% ของคุณแม่ในสหรัฐอเมริกาให้นมลูกนานถึงหนึ่งปีหรือนานกว่านั้น ทีมผู้เขียนชุดใหญ่วิเคราะห์ว่าสุขภาพของผู้หญิงอเมริกันจะเปลี่ยนไปอย่างไรหากผู้หญิงอเมริกันอย่างน้อย 90% ให้นมลูกอย่างน้อยหนึ่งปีหลังคลอด ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก...

การใช้ข้อมูลจำนวนมาก เอกสารทางการแพทย์นักวิจัยได้สร้างแบบจำลองทางสถิติที่ซับซ้อนสำหรับผู้หญิงอเมริกันกลุ่มหนึ่งอายุ 15 ถึง 70 ปี (กลุ่มนี้มีจำนวน 1,880,000 คน) และคำนวณอัตราสำหรับห้าคะแนน ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ ความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่ 2 และกล้ามเนื้อหัวใจตาย ปรากฏว่าราคาขาดนมแม่ 4,981 ราย มะเร็งเต้านม 53,847 ราย ความดันโลหิตสูงและโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเกือบ 14,000 ราย อย่างไรก็ตาม ในแง่ของเงินที่ใช้ไปกับการรักษาเพียงอย่างเดียว นี่หมายถึงการสูญเสีย 860 ล้านดอลลาร์

หัวหน้ากลุ่มวิจัย Melissa Bartik ศาสตราจารย์จาก Harvard ชี้แจงว่าการศึกษานี้เป็นการต่อยอดจากงานก่อนหน้าของกลุ่มเดียวกัน: ในปี 2010 มีการเผยแพร่ข้อมูลการวิเคราะห์โรคในเด็กเนื่องจากขาดนมแม่ ข้อมูลนี้รวมถึงข้อมูลที่ว่าหาก 90% ของครอบครัวชาวอเมริกันปฏิบัติตามคำแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือน จะป้องกันการเสียชีวิตได้ 911 รายต่อปี และสหรัฐอเมริกาจะประหยัดเงินได้ 13 พันล้านต่อปีเพียงแค่ไม่ต้องมี ให้นมลูกรักษาโรคที่เป็นผลโดยตรง การให้อาหารเทียม- หลังจากตีพิมพ์งานนี้ นักวิจัยเริ่มสงสัยว่า แล้วแม่ล่ะ? ตอนนี้ภาพก็สมบูรณ์แล้ว

การศึกษาใหม่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการสนับสนุนที่ครอบคลุมสำหรับผู้หญิงที่ให้นมบุตร ตั้งแต่ทัศนคติของนายจ้างที่ดีขึ้นไปจนถึงอิทธิพลทางสังคมเพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงที่ให้นมลูกบนม้านั่งในสวนสาธารณะจะไม่ขมวดคิ้ว “เราต้องทำมากกว่านี้เพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงให้นมลูกได้นานขึ้น” ดร. บาร์ติกกล่าว “สามารถป้องกันการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตนับพันครั้งได้” เธอได้รับการสนับสนุนจากดร. แคธลีน มาริเนลลี นักทารกแรกเกิดและประธานคณะกรรมการการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แห่งสหรัฐอเมริกา: “สิ่งที่การศึกษานี้บอกเรามีความสำคัญ: ค่าใช้จ่ายในการไม่สนับสนุนสตรีที่ให้นมบุตรนั้นมีค่าใช้จ่ายมหาศาล และเป้าหมายคือการไม่ให้นมแม่อีกต่อไป ทางเลือกส่วนบุคคลวิถีชีวิต แต่เป็นความจำเป็นด้านสาธารณสุข"
…การศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสรุปได้ว่าถ้าเราคาดการณ์สถานการณ์ทั้งหมดนี้จากประเทศหนึ่งไปยังทั้งโลก เราจะไม่พูดถึงผู้หญิงหลายหมื่นคน แต่ประมาณล้านคน มาสนับสนุนการให้อาหารและผู้ให้นมบุตรกันเถอะ!

เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพิ่มความต้านทานต่อโรค

จากการวิจัยพบว่าคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมผงมีความแตกต่างกัน ลดระดับแกมมาอินเตอร์เฟอรอนและอัตราส่วนที่ลดลงของเซลล์ Th1/Th2 (γ-อินเตอร์เฟอรอน/อินเตอร์ลิวคิน-10) ภาวะนี้หมายถึงภาวะซึมเศร้า ภูมิคุ้มกันของเซลล์- ไม่พบผลกระทบนี้ในสตรีที่ให้นมบุตร จากข้อมูลเหล่านี้ พบว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีความได้เปรียบด้านจิตประสาทและภูมิคุ้มกันแก่สตรีที่ให้นมบุตร

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และจิตวิทยา

ถ้าเกิดเหตุการณ์ โรคต่างๆวัดได้โดยใช้ตัวเลข แล้ววัดความสงบของแม่อย่างไร ทารกที่แข็งแรง- จะคำนวณระดับความเครียดในครอบครัวที่ใช้งบประมาณส่วนใหญ่ของครอบครัวในการซื้อสูตร อุปกรณ์เสริมในการให้อาหาร รวมถึงต้นทุนค่าบริการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร

องค์กรด้านสุขภาพแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว แต่องค์กรเหล่านี้ล้มเหลวในการสื่อสารกับแม่และครอบครัวทุกคนว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางอารมณ์ระหว่างแม่และลูกได้อย่างไร เมื่อแม่ตัดสินใจว่าจะไม่ให้นมลูกเธอก็ไม่ได้คำนึงถึงความจริงที่ว่า ชีวิตครอบครัวอาจกลายเป็นความเครียดอย่างแท้จริงเมื่อเด็กป่วยบ่อยๆ หรือทำให้ทั้งตัวเธอเองและลูกสูญเสียความรู้สึกพิเศษที่เกิดขึ้นระหว่างการให้นมบุตรเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลย แม่ที่รักผู้หญิงที่ให้นมลูกจากขวดสามารถสร้างความรู้สึกคล้ายกับประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้หากต้องการ แต่สำหรับสิ่งนี้ ประการแรก คุณต้องรู้ว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แตกต่างจากการให้นมจากขวดอย่างไร จากนั้นจึงทำงานและทำงานเพื่อทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในระหว่างการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เกิดขึ้นจริงโดยไม่ต้องคิดและออกแรงเพิ่มเติม

การให้นมบุตรมีผลในการป้องกัน อารมณ์ไม่ดีและความเครียด

การดูดเต้านมทำให้เกิดความแน่นอน พื้นหลังของฮอร์โมนในแม่: ออกซิโตซินออกฤทธิ์ต่อแม่ในฐานะยาระงับประสาท และมารดาที่ให้นมบุตรจะตอบสนองต่อฮอร์โมนความเครียดน้อยลง - อะดรีนาลีน (Altemus 1995)

การวิจัยยืนยันว่าการให้อาหารสูตรสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด 2.04 (ป<0.05). Также исследованиями доказано , что у женщин, кормящих смесями, реже бывает хорошее настроение, они реже рассказывают о положительных событиях в жизни и у них в целом больше ощущение стресса по сравнению с кормящими грудью женщинами.

การวัดผลกระทบของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อความสงบสุขในสังคมนั้นยากเป็นพิเศษ หากในสังคมนั้นมีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ไม่ว่าจะในช่วงเวลาใดก็ตาม และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้รับการสนับสนุนด้วยคำพูดเท่านั้น ไม่ใช่การกระทำ เมื่อผู้หญิงพยายามที่จะให้นมลูกในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากทั้งในทางปฏิบัติและทางอารมณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (วิธีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ วิธีต่อสู้กับที่ปรึกษา) สาเหตุของปัญหาเหล่านี้อยู่ที่ว่าไม่มีตัวอย่างความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เลย (หรือแทบไม่มีเลย) ปัญหารุนแรงขึ้นเนื่องจากความจริงที่ว่าสูตรนี้หาซื้อได้ง่ายมากและในขณะเดียวกันก็ยากที่จะหาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ไม่สั่งจ่ายสูตรในโอกาสแรก แต่จะช่วยสร้างการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

แม้ว่าแม่จะสามารถเริ่มให้นมได้ แต่เธอก็จะไม่ได้ยินคำพูดเชิงตัดสินเช่น "คุณยังให้นมอยู่หรือเปล่า?" หรือ “นมเธอมันไขมันต่ำ ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว หยุดทำให้ลูกหิวได้แล้ว เอานมผสมมา!” หรือผู้หญิงไปทำงานและไม่มีเงื่อนไขที่เหมาะสมในการเลี้ยงลูกหรือปั๊มนม และมีผู้หญิงสักกี่คนที่ถูกตำหนิและอับอายที่ไปร้านกาแฟหรือพิพิธภัณฑ์แล้วถูกเลี้ยงที่นั่น! จึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่ใช่ว่าแม่ทุกคนจะจำได้ว่าการให้อาหารเป็นช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์และสงบสุขในชีวิตของเธอ...

เหตุใดจึงน้อยคนนักที่จะรู้ถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่?

หลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเรื่องปกติและดีต่อสุขภาพซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของผู้หญิง และในชีวิตแม่ส่วนใหญ่กินนมแม่เพียงเพราะว่ามันดีต่อลูก ในขณะที่สังคมมองว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นการทรมานเพื่อสุขภาพของเด็ก เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาบางอย่างที่แก้ไขได้ง่าย ผู้หญิงคนหนึ่งจึงหยุดให้อาหารทันที แต่แล้วก็โทษตัวเองที่พรากสิ่งที่ดีต่อสุขภาพไปจากลูก มี "ผู้ปรารถนาดี" อยู่ใกล้ๆ เสมอซึ่งจะให้ความมั่นใจและรับประกัน: "มีเด็กที่มีสุขภาพดีกี่คนที่เติบโตมาด้วยนมผสม!" คุณคิดว่าถ้าผู้หญิงรู้ว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นดีต่อตัวเอง บางทีพวกเขาอาจจะคิดวิธีแก้ปัญหาที่ทำให้พวกเขาหยุดให้นมลูกได้? หากสังคมรู้ว่าการให้อาหารสูตรก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อสุขภาพของผู้หญิง บางทีมันอาจไม่ง่ายนักที่จะผลักดันให้ผู้หญิงหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่?

ทำไมแม่ไม่รู้ว่าการให้อาหารไม่ใช่การทรมาน แต่คือความรอด? มารดาหลายคนไม่ได้รับการบอกว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีสุขภาพดีและเป็นปกติเพียงใด การขาดสามัญสำนึก ความไม่รู้ ระดับการศึกษาต่ำ อิทธิพลของอคติทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และส่วนบุคคล การโฆษณาของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทดแทนนมแม่นำไปสู่ความจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งปัจจุบันมีหน้าที่เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เองก็ไม่ได้ทำ รู้หรือรู้แต่เงียบ และบางครั้งก็เขินอายที่จะพูดสิ่งที่วิทยาศาสตร์รู้มานานแล้ว

หากข้อมูลนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป บางทีบรรยากาศในสังคมที่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเรื่องง่ายและสนุกสนานสำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ก็อาจเกิดขึ้นได้ และหากผู้หญิงบางคนประสบปัญหาก็จะมีวิธีแก้ปัญหาที่เข้าถึงได้เพียงพอ ผู้หญิงจะเลิกทรมาน ทนทุกข์ และตกเป็นเหยื่อของการให้อาหาร และจะเพลิดเพลินไปกับความสุขและสุขภาพอย่างเต็มที่แทน ซึ่งดูเหมือนว่าธรรมชาติตั้งใจให้เป็นรางวัลสำหรับงานของมารดา

Alicia Dermer - จากนิตยสาร NEW BEGINNINGS
ฉบับที่ 18 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม-สิงหาคม 2544, หน้า 124-127,

แปลโดย Victoria Khudyakova และ Maria Sorokina
เรียบเรียงคำแปลโดย Natalia Gerbeda-Wilson, Olga Shipenko

บทความโดย Tatyana Kondrashova และ Irina Ryukhova

แหล่งที่มา:

http://www.llli.org/russian/subject/importance/mother/benefits.html

http://www.llli.org/russian/subject/outcomes/womenshealth.html#Cardiovascular%20disease

http://www.new-degree.ru/gvinform/cancer

http://www.new-degree.ru/gvinform/cancer2

http://new-degree.ru/gvinform/diabet

บรรณานุกรม

Altemus, M. และคณะ การปราบปรามการตอบสนองของแกนต่อมใต้สมองต่อมหมวกไตต่อความเครียดในสตรีให้นมบุตร J Clin ต่อมไร้ท่อ Metab 1995;80:2954.

Brenna, P. การให้นมบุตรและการเริ่มมีอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูม 1994; 6: 808.

Brun, J. , Nilssen, S. , Kvale, G. การให้นมบุตร, ปัจจัยการสืบพันธุ์อื่น ๆ และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์: การศึกษาในอนาคต Br เจ เรมมาทอล 1995;34:542.

Brewer, M.M., Bates, M.R., Vannoy, L.P. การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักมารดาและไขมันในร่างกายหลังคลอดในการให้นมบุตรเทียบกับ ผู้หญิงที่ไม่ให้นมบุตร ฉันชื่อเจคลินิกพยาบาล 1989; 49: 259.

Dewey, K. Heinig, M., Nommsen, L. รูปแบบการลดน้ำหนักของมารดาในระหว่างการให้นมบุตรเป็นเวลานาน ฉันชื่อเจคลินิกพยาบาล 1993; 58: 162.

เฮล, โทมัส. ยาและนมแม่ อามาริลโล เท็กซัส: สำนักพิมพ์ Pharmasoft Medical, 2000

Ing, K, Ho, J., Petrakis, N. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ข้างเดียวและมะเร็งเต้านมมีดหมอ 1977; 2: 124.

Jorgensen, C. และคณะ การคุมกำเนิด ความเท่าเทียมกัน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และความรุนแรงของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ แอน รูมาติค ดิส 1996; 55: 94.

เคนเนดี้, KL และคณะ แถลงการณ์ที่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับการใช้นมแม่เป็นวิธีการวางแผนครอบครัว การคุมกำเนิด 1989 อาจ;39(5):477-96.

เครเมอร์, F., Stunkard, A., Marshall, K, และคณะ การให้นมบุตรจะช่วยลดไขมันในร่างกายส่วนล่างของมารดา รศ. เจ แอม ไดเอท 1993; 93: 429.

Kjos, S. Henry O. Lee, R. , และคณะ ผลของการให้นมบุตรต่อการเผาผลาญกลูโคสและไขมันในสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์เมื่อเร็วๆ นี้ สูตินรีเวช 1993; 82:451.

ลอว์เรนซ์ อาร์. ลอว์เรนซ์ อาร์. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่: คู่มือวิชาชีพแพทย์ - เซนต์. หลุยส์: มอสบี, 1999.

Layde, P. และคณะ สมาคมอิสระมีความเท่าเทียมกัน อายุเมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนดครั้งแรก และระยะเวลาในการให้นมบุตรที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม เจ คลิน เอพิเดไมออล 1989; 42: 963.

นิวโคมบ์, พี. และคณะ การให้นมบุตรและลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในวัยหมดประจำเดือน N ภาษาอังกฤษ J Med 1994; 330: 81.

Oyer, D., Stone, N. ระดับคอเลสเตอรอลและคุณแม่ให้นมบุตร จามา 1989, 262:2092.

Sowers, M., Randolph, J., Shapiro, S. Jannausch, M. การศึกษาในอนาคตเกี่ยวกับความหนาแน่นของกระดูกและการตั้งครรภ์หลังจากการให้นมบุตรเป็นระยะเวลานานโดยมีการสูญเสียกระดูก ออสเตท นรีคอล 1995; 85:285.

Specker, B. Tsang, R., Ho, M. การเปลี่ยนแปลงของสภาวะสมดุลของแคลเซียมในช่วงปีแรกหลังคลอด: ผลของการให้นมบุตรและการหย่านม สูตินรีเวช 1991; 78. 56.

Sinigaglia, L. , Varenna, M. , Binelli, L. , Gallazzi, M. , Calori, G. , Ranza, R. ผลของการให้นมบุตรต่อความหนาแน่นของกระดูกในวัยหมดประจำเดือนของกระดูกสันหลังส่วนเอวเจ รีพรอด เมด 1996;41:439.

การสูญเสียเลือดในช่วงมีประจำเดือนปกติไม่มีนัยสำคัญและไม่ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ความเสี่ยงของโรคโลหิตจางจะมีเฉพาะในผู้หญิงเท่านั้นด้วย มากเกินไปหรือยาวนานเกินไปประจำเดือน. นอกจากนี้ ความแตกต่างของอุบัติการณ์ของภาวะโลหิตจางระหว่างการให้นมบุตรและการไม่ให้นมบุตรอาจอธิบายได้ด้วยการตั้งครรภ์บ่อยครั้งในสตรีที่ไม่ได้ให้นมบุตร

Gunderson E. , Jacobs R. การให้นมบุตรและอุบัติการณ์ที่ต่ำกว่าของกลุ่มอาการเมตาบอลิซึมในสตรีวัยเจริญพันธุ์โดยเบาหวานขณะตั้งครรภ์: การศึกษาในอนาคตของสตรีคาร์เดียในระยะเวลา 20 ปี การประชุมทางวิทยาศาสตร์ครั้งที่ 69 ของสมาคมโรคเบาหวานแห่งอเมริกา 2552.Hitti M. การให้นมบุตรช่วยลดอาการเมตาบอลิซึมบาดแผล - เมตาบอลิซึม - ซินโดรม

Metabolic Syndrome ได้รับการวินิจฉัยเมื่อมีเงื่อนไขอย่างน้อย 3 ข้อต่อไปนี้:

• เอวใหญ่: มากกว่า 89 ซม. สำหรับผู้หญิง
• ระดับไตรกลีเซอไรด์สูง: 150 มล./ดล. หรือสูงกว่า หรือรับประทานยาเพื่อรักษาระดับคอเลสเตอรอลสูง
• ไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นสูง “ที่เป็นประโยชน์” ในระดับต่ำ: น้อยกว่า 50 มก./สำหรับผู้หญิง หรือรับประทานยาสำหรับคอเลสเตอรอลสูง
• ความดันโลหิตสูง: 130/85 ขึ้นไป หรือรับประทานยารักษาโรคความดันโลหิตสูง
• ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารสูง: 100 มก./ดล. หรือสูงกว่า

สตูบี เอ., มิเชล เค. และคณะ ระยะเวลาของการให้นมบุตรและอุบัติการณ์ของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายในวัยผู้ใหญ่ตอนกลางถึงปลายฉันชื่อ J Obstet Gynecol2009 ก.พ.;200(2):119-20.

Langer-Gould A และคณะ "การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวและความเสี่ยงของการกำเริบของโรคหลังคลอดในสตรีที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง" อาน 2009. วิทยาศาสตร์รายวัน. (2552) วิทยาศาสตร์รายวัน. http://www.sciencedaily.com/releases/2009/02/090219202716.htm

คาร์ลสัน, อี. ดับเบิลยู., แอล. เอ. แมนเดิล, เอส. อี. แฮนกินสัน และเอฟ. กรอดสไตน์ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และปัจจัยการสืบพันธุ์อื่น ๆ มีอิทธิพลต่อความเสี่ยงในอนาคตของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์หรือไม่?ผลลัพธ์จากการศึกษาสุขภาพพยาบาล โรคข้ออักเสบรูม 2004; 50(11):3458-67

ผลการวิจัยพบว่าไม่แนะนำให้สตรีให้นมบุตรรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม เนื่องจากแคลเซียมส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ (ลอเรนซ์และลอว์เรนซ์ 2548))

แมคคอย เอสเจ, บีล เจเอ็ม. ปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าหลังคลอด: การตรวจสอบย้อนหลังหลังคลอด 4 สัปดาห์ และการทบทวนวรรณกรรมเจ แอม Osteopath รศ. 2549 เม.ย.;106(4):193-8.

โกรเออร์ เมกะวัตต์ ความแตกต่างระหว่างผู้ให้นมแม่เพียงอย่างเดียว ผู้ให้นมสูตร และกลุ่มควบคุม: การศึกษาความเครียด อารมณ์ และตัวแปรต่อมไร้ท่อ Biol Res Nurs 2005 ต.ค.;7(2):106-17

โกรเออร์ MW, เดวิส MW ไซโตไคน์ การติดเชื้อ ความเครียด และอารมณ์ผิดปกติในผู้ให้นมบุตรและผู้ให้นมสูตร J Obstet Gynecol พยาบาลทารกแรกเกิด 2006 ก.ย.-ต.ค.;35(5):599-607.

นมแม่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็ก และไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับระบบย่อยอาหารของเด็กเท่านั้น ส่วนประกอบของนมแม่เป็นการป้องกันโรคต่างๆ ตามธรรมชาติ ทารกที่กินนมแม่จะอ่อนแอต่อโรคกระดูกอ่อนน้อยกว่าและมีโอกาสน้อยที่จะเป็นโรคโลหิตจาง dysbacteriosis และท้องเสีย นมแม่ยังช่วยปกป้องเด็กๆ จากหวัด หลอดลมอักเสบ โรคปอดบวม และการติดเชื้ออื่นๆ อีกมากมาย วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการให้อาหารตามธรรมชาติมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ในเด็กได้น้อยกว่ามาก น้ำนมแม่มีบทบาทสำคัญในพัฒนาการของทารกที่คลอดก่อนกำหนด - ช่วยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ โภชนาการจากธรรมชาติสำหรับทารกยังเป็นรากฐานของสุขภาพในอนาคตอีกด้วย ตัวอย่างเช่น เป็นที่ทราบกันดีว่าคนที่ให้นมแม่มีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคหอบหืดน้อยกว่า

คุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ของน้ำนมแม่

นมแม่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและคุณประโยชน์ของนมแม่นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ประกอบด้วยสารครบถ้วนที่จำเป็นสำหรับทารก (คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ธาตุขนาดเล็ก วิตามิน) ลักษณะเฉพาะของนมแม่ไม่เพียงมีส่วนประกอบที่มีประโยชน์หลากหลายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอัตราส่วนและส่วนผสมด้วย องค์ประกอบไม่คงที่เมื่อทารกโตขึ้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับความต้องการของสิ่งมีชีวิตที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และองค์ประกอบของนมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน โภชนาการ และสภาพของมารดา

ในกระบวนการให้อาหารตามธรรมชาติมี 3 ช่วงเวลาหลัก สองสามวันแรกหลังทารกคลอด มารดาจะผลิตน้ำนมเหลือง จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านของนมซึ่งกินเวลาประมาณสามสัปดาห์ และหลังจากนี้ทารกจะเริ่มได้รับนมโตเต็มที่ นมแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร? ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมนี้

อาหารของทารกแรกเกิดคือนมน้ำเหลือง ช่วยให้ทารกเปลี่ยนมาดูดนมได้อย่างราบรื่นหลังจากป้อนนมผ่านสายสะดือ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินี้มีเอกลักษณ์เฉพาะในองค์ประกอบและร่างกายของเด็กดูดซึมได้ง่ายมาก คอลอสตรัมเป็นของเหลวข้นที่มีสีเหลือง หลั่งออกมาในปริมาณเล็กน้อย โดยเฉลี่ยประมาณ 30 มล. ต่อวัน ในครั้งเดียวเด็กบริโภคผลิตภัณฑ์นี้มากถึง 10 มก. คุณแม่ยังสาวมักกังวล - พวกเขาคิดว่าทารกขาดสารอาหาร บางคนพยายามให้นมสูตรหรือให้น้ำแก่ลูกที่รัก โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ด้วยซ้ำ สิ่งนี้ไม่คุ้มที่จะทำ! โปรดจำไว้ว่าร่างกายของทารกยังคงมีน้ำเพียงพอหลังคลอด ดังนั้นเขาจะไม่ขาดน้ำจนกว่าน้ำนมจะเข้ามา

หลังจากดื่มน้ำหรือดื่มนมผสมแล้ว ทารกจะรู้สึกอิ่มและดูดนมน้อยลง ดังนั้นเขาจึงอาจไม่ได้รับส่วนประกอบสำคัญที่มีอยู่ในน้ำนมเหลือง นอกจากนี้ยังอาจส่งผลเสียต่อการผลิตน้ำนมของคุณในอนาคต ท้ายที่สุดแล้ว การเคลื่อนไหวดูดนมบ่อยครั้งของทารกจะกระตุ้นเต้านมของแม่ นี่เป็นสัญญาณสำหรับร่างกายของผู้หญิงว่าต้องผลิตฮอร์โมนเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนม

มีอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมทารกไม่ควรได้รับอาหารหรือให้น้ำในวันแรกของชีวิต นั่นคือ ไตและอวัยวะย่อยอาหารของทารกแรกเกิดยังไม่พร้อมสำหรับของเหลวปริมาณมากในตอนแรก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมปริมาณน้ำในน้ำนมเหลืองจึงน้อยมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีคุณค่าทางโภชนาการมหาศาลต่อร่างกายของเด็กด้วย

ปริมาตรของกระเพาะอาหารช่วยให้ทารกกินน้ำนมเหลืองได้ครั้งละไม่เกิน 10 มล. แต่เด็กจะได้รับสารทั้งหมดที่เขาต้องการ ลักษณะเฉพาะของน้ำนมเหลืองคือมีโปรตีนในระดับสูง (มากกว่าในนมหลายเท่า) โปรตีนนี้สามารถย่อยได้ง่ายเนื่องจากไม่ต้องการน้ำย่อยจำนวนมาก และไม่ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ตึงเครียดมากนัก ระดับกรดอะมิโนที่มีคุณค่าในน้ำนมเหลืองก็สูงมากเช่นกัน โดยในตัวบ่งชี้นี้ น้ำนมเหลืองจะสูงเป็นสองเท่าของนมโต

อย่างไรก็ตาม มีสารอาหารในน้ำนมเหลืองน้อยกว่าในนม ประการแรกสิ่งนี้ใช้กับคาร์โบไฮเดรตและไขมัน เนื่องจากระบบเอนไซม์ของเด็กยังไม่ได้รับการพัฒนาและไม่ควรรับภาระหนัก

คอลอสตรัมมีส่วนประกอบพิเศษจำนวนมากเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร - ฟอสฟาไทด์ กระตุ้นการหลั่งน้ำดี ปรับปรุงการอพยพของไขมันออกจากกระเพาะอาหาร และเร่งการดูดซึมในลำไส้ นอกจากนี้ คอลอสตรัมยังมีสารชีวภาพออกฤทธิ์อีกหลายชนิดที่ช่วยปรับปรุงกระบวนการเผาผลาญในร่างกายของเด็ก คอลอสตรัมยังเป็นแหล่งของวิตามิน A, B, E ที่จำเป็นทั้งหมด ประกอบด้วยเรตินอล กรดแอสคอร์บิก และแคโรทีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาระบบประสาท อวัยวะการมองเห็น และเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อของเด็ก นั่นคือหากคุณให้นมลูกตามความต้องการ เขาจะได้รับสารอาหารครบถ้วน

เป็นเรื่องน่าสนใจที่รู้ว่าคอลอสตรัมมีมากกว่าแค่หน้าที่ทางโภชนาการ ยังมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเด็กอีกประการหนึ่ง เนื่องจากมีแมกนีเซียมในปริมาณมาก คอลอสตรัมจึงมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีโคเนียม (อุจจาระเดิม) ถูกขับออกจากลำไส้ของเด็กได้ง่าย นอกจากนี้บิลิรูบินยังถูกปล่อยออกมาซึ่งช่วยลดอาการของโรคดีซ่านทางสรีรวิทยาตามธรรมชาติในทารกแรกเกิดได้อย่างรวดเร็วซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณของสถานะเปลี่ยนผ่านของทารกแรกเกิด

คุณสมบัติที่สำคัญอีกประการหนึ่งของนมน้ำเหลืองคืออิมมูโนโกลบูลินในระดับสูง สารเหล่านี้เพิ่มการป้องกันของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก มีอิมมูโนโกลบูลินจำนวนมากในน้ำนมเหลืองทันทีหลังทารกเกิด ซึ่งหมายความว่าคุณต้องให้นมลูกภายในครึ่งชั่วโมงหลังคลอด อิมมูโนโกลบูลินกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน (เม็ดเลือดขาว) ที่เรียงตัวตามผนังด้านในของลำไส้ ปกป้องจากเชื้อโรค ด้วยเหตุนี้ คอลอสตรัมจึงมักถูกเรียกว่า "การฉีดวัคซีนครั้งแรก" ของทารกด้วยซ้ำ

คอลอสตรัมยังมีปัจจัยการเจริญเติบโตสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบย่อยอาหารของทารกอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเด็กจึงเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนมากินนม ปัจจัยการเจริญเติบโตของระบบประสาทที่มีอยู่ในน้ำนมเหลืองในปริมาณที่เพียงพอก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน จำเป็นต่อการพัฒนาระบบประสาทของเด็กอย่างเต็มที่

คุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ของน้ำนมเหลืองนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมนมแม่จึงเป็นอาหารในอุดมคติสำหรับทารกแรกเกิด

ประเภทของนมแม่

นมช่วงเปลี่ยนผ่านและนมโตเต็มที่

ประมาณวันที่ห้าหลังจากที่ทารกคลอด คอลอสตรัมจะถูกแทนที่ด้วยนมชนิดเปลี่ยนผ่าน ในตอนแรกยังคงรักษาโทนสีเหลืองและมีสารหลายชนิดที่เป็นลักษณะของน้ำนมเหลือง เมื่อเวลาผ่านไป นมจะเปลี่ยนเป็นสีขาวและองค์ประกอบของนมก็เปลี่ยนไป ปริมาณโปรตีนจะน้อยลง แต่ระดับไขมันและคาร์โบไฮเดรตก็เพิ่มขึ้น ต่อมน้ำนมจะขยายใหญ่ขึ้น กระชับขึ้น และร้อนขึ้น บ่อยครั้งที่แม่ของทารกรู้สึกเจ็บหน้าอก เพื่อบรรเทาความรู้สึกเหล่านี้ ผู้หญิงจำเป็นต้องให้นมลูกบ่อยขึ้น และพยายามไม่ให้นมลูกมากเกินไป เมื่อต่อมน้ำนมว่างเปล่าเป็นประจำ ผู้หญิงจะรู้สึกดีขึ้น

สองสัปดาห์หลังคลอดทารกน้ำนมที่โตเต็มที่จะปรากฏขึ้นซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะแยกความแตกต่างระหว่างสองส่วน: "ด้านหน้า" และ "ด้านหลัง" มันหมายความว่าอะไร? ในช่วงเริ่มต้นของการป้อนนม นมจะมีโทนสีน้ำเงินและมีของเหลวจำนวนมาก เมื่อสิ้นสุดการให้นม นมที่ทารกดูดจะมีสีขาวเข้มข้นมากขึ้นและมีปริมาณไขมันมากขึ้น อัตราส่วนของแลคโตสและโปรตีนในนมส่วนหน้าและส่วนหลังยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตลอดการให้นม ดังนั้นเมื่อน้ำนมโตมาถึง ในระหว่างให้นม ทารกจะได้รับสารอาหารสำคัญที่ซับซ้อนทั้งหมด

ทำไมนมแม่จึงเป็นทางเลือกทางโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับทารก

นมแม่ถือเป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกเพราะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:

· ประกอบด้วยสารทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาร่างกายของเด็กอย่างเต็มที่

· ทารกสามารถย่อยได้ง่าย

·เปลี่ยนองค์ประกอบตามความต้องการส่วนบุคคลของเด็ก

· ช่วยสร้างพืชที่มีประโยชน์ในลำไส้

· ปกป้องร่างกายที่กำลังเติบโตจากโรคต่างๆ

· ไม่มีส่วนประกอบของสารก่อภูมิแพ้

· รวมถึงสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย (อิมมูโนโกลบูลิน เอนไซม์ ฮอร์โมน)

· อุณหภูมิของมันเหมาะสำหรับทารก

· รสชาติของนมแม่เหมาะสำหรับทารก

· การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกตามธรรมชาติ

นมแม่มีส่วนประกอบดังต่อไปนี้:

· น้ำ.ส่วนแบ่งในนมมากกว่า 80% ดังนั้นเด็กที่กินนมแม่จึงไม่ต้องการของเหลวเพิ่มเติม

· โปรตีนในน้ำนมแม่มีปริมาณประมาณ 1% ซึ่งน้อยกว่าในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น โปรตีนแบ่งออกเป็นสองส่วน: เคซีนและเวย์ อัตราส่วนประมาณ 20:80 ในขณะที่นมวัวตรงกันข้ามคือ 80:20 เคซีนถูกสังเคราะห์ขึ้นที่เต้านม ในขณะที่เวย์โปรตีนมาจากเลือดของผู้หญิง ในสภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหาร เคซีนจะก่อตัวเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไม่สามารถดูดซึมได้ง่ายเหมือนกับเวย์โปรตีน เนื่องจากเวย์โปรตีนมีความโดดเด่น นมแม่จึงถูกย่อยเร็วมากและขับออกจากกระเพาะได้ง่าย ดังนั้นลูกน้อยของคุณสามารถให้นมแม่ได้บ่อยครั้งโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดความเครียดต่ออวัยวะย่อยอาหาร เวย์โปรตีนในนมของมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นอัลฟาแลคโตโกลบูลิน และผลิตภัณฑ์ทดแทนนมแม่ซึ่งทำจากนมแพะหรือนมวัวมีเบต้าแลคโตโกลบูลินเป็นส่วนใหญ่ มันเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่รุนแรง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ด้วยว่านมแม่เป็นแหล่งกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับทารก

· ไขมันส่วนประกอบเหล่านี้มีอยู่ในอนุภาคขนาดเล็กในน้ำนมแม่ มีขนาดเล็กกว่าไขมันในนมวัวมาก ระดับไขมันจะแตกต่างกันไปในแต่ละระยะ ในน้ำนมเหลืองจะมีประมาณ 2% และในนมโตเต็มที่อาจมีเกิน 4% เป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับคุณแม่ยังสาวที่จะรู้ว่าปริมาณไขมันในนมหลังนั้นสูงกว่านมหน้าหลายเท่า ช่วยให้ทารกสามารถควบคุมความอิ่มได้ ถ้าเขาแค่กระหายน้ำ เขาจะดูดนมได้ไม่นาน แค่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และเพื่อที่จะสนองความรู้สึกหิวโหยอย่างรุนแรง อาจต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพยายามจำกัดระยะเวลาในการให้อาหาร จากข้อมูลที่ได้รับจากการวิจัยของ WHO เด็กเองก็สามารถควบคุมความเต็มอิ่มได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้พิจารณาว่ากลไกทางธรรมชาตินี้ทำงานอย่างไร กรดไขมันในนมของมนุษย์มีลักษณะเฉพาะคือมีความคงตัวขององค์ประกอบสัมพัทธ์ ในจำนวนนี้ 57% เป็นกรดไม่อิ่มตัว 42% อิ่มตัว สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่ากรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสายโซ่ยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรดไลโนเลนิกและกรดอาราชิโดนิก มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบประสาทส่วนกลางของเด็ก น้ำนมแม่มีส่วนประกอบเหล่านี้มากกว่านมวัวหลายเท่า กรดไขมันส่งเสริมการสร้างพรอสตาแกลนดินในระบบย่อยอาหารของทารก และนี่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสุกของเซลล์ในลำไส้และการปรับปรุงกระบวนการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับทารกโดยให้พลังงานเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ต้องการต่อวัน และเพื่อการดูดซึมไขมันที่ดี ทารกจำเป็นต้องมีเอนไซม์พิเศษซึ่งพบได้ในปริมาณที่เพียงพอในน้ำนมแม่เท่านั้น

· คาร์โบไฮเดรตคาร์โบไฮเดรตในนมแม่มีน้ำตาลในนม (แลคโตส) มากกว่า สารนี้พบได้ในนมเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนมของมนุษย์ ในนมโตเต็มที่ระดับน้ำตาลในนมสูงถึง 7% มันเป็นไดแซ็กคาไรด์ หลังจากแตกตัวแล้วจะเกิดสารสองชนิด: กลูโคสและกาแลคโตส กลูโคสให้พลังงานกาแลคโตสเกี่ยวข้องกับการก่อตัวของสารที่จำเป็นสำหรับการก่อตัวของระบบประสาท แลคโตสก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันเพราะมันส่งเสริมการสร้างพืชในลำไส้ที่เป็นประโยชน์อย่างรวดเร็ว คาร์โบไฮเดรตอื่นๆ ในนมของมนุษย์ ได้แก่ ฟรุกโตสและโอลิโกแซ็กคาไรด์ โอลิโกแซ็กคาไรด์ถูกเรียกว่า "ปัจจัยบิฟิดัส" เนื่องจากจะช่วยปรับปรุงจุลินทรีย์ในลำไส้และป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค

· วิตามินองค์ประกอบของวิตามินในนมแม่ไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อาหารของผู้หญิง ระยะเวลาในการให้นมบุตร และความต้องการส่วนบุคคลของทารก มันจะมีประโยชน์สำหรับคุณแม่ยังสาวที่รู้ว่านมหน้ามีวิตามินในระดับที่สูงกว่า ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ควรปั๊มนมทันทีก่อนให้นมลูก นมหน้าอุดมไปด้วยวิตามินดีเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีอยู่ในรูปแบบละลายน้ำที่ไม่ใช้งานอีกด้วย จากนั้นทารกจะกลายเป็นรูปแบบที่ละลายในไขมันได้ตามต้องการ ทารกที่ได้รับนมแม่มักจะไม่ขาดวิตามิน แม้ว่าแม่จะรับประทานอาหารมังสวิรัติก็ตาม แต่เด็กที่หย่านมเร็วเกินไปจะขาดวิตามินบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวิตามินเอ

· สารแร่ธาตุน้ำนมแม่ประกอบด้วยองค์ประกอบมาโครและองค์ประกอบย่อยทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับเด็กเล็กในปริมาณที่เพียงพอ พวกมันอยู่ในรูปของสารประกอบที่ร่างกายของทารกดูดซึมได้ง่ายมาก การดูดซึมส่วนประกอบแร่ธาตุในนมของมนุษย์ได้ดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ สัดส่วนของสารต่างๆ การมีอยู่ขององค์ประกอบเสริมเฉพาะ (เช่น แลคโตเฟอร์ริน) และอื่นๆ อีกมากมาย แร่ธาตุที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์อื่นจะถูกร่างกายดูดซึมได้น้อยกว่ามาก ตัวอย่างเช่น ธาตุเหล็กจากน้ำนมแม่ถูกดูดซึมมากกว่าสองในสาม ในขณะที่ธาตุเหล็กจากนมวัวถูกดูดซึมได้เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น และธาตุเหล็กจากนมผงสำหรับทารกก็ดูดซึมได้ไม่ดีนัก - เพียง 10% เท่านั้น ดังนั้นผู้ผลิตอาหารทารกเทียมจึงถูกบังคับให้เพิ่มระดับธาตุเหล็กในผลิตภัณฑ์ของตนและสิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลดีที่สุดต่อร่างกายของเด็ก อัตราส่วนที่เหมาะสมขององค์ประกอบทั้งหมดที่ทารกต้องการพบได้ในน้ำนมแม่ ทารกที่กินนมแม่จะไม่ขาดแร่ธาตุและไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากปริมาณที่มากเกินไป

· ฮอร์โมนจนถึงปัจจุบันวิทยาศาสตร์ได้ยืนยันการมีอยู่ของฮอร์โมนมากกว่าสองโหลในนมของมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นระดับของบางคนยังสูงกว่าในเลือดของผู้หญิงมาก น้ำนมแม่มีโปรแลกติน ออกซิโตซิน พรอสตาแกลนดิน ฮอร์โมนการเจริญเติบโต อินซูลิน และฮอร์โมนเพศบางชนิดที่มีความเข้มข้นสูงมาก ฮอร์โมนไทรอยด์มีอยู่ในปริมาณน้อย ด้วยองค์ประกอบนี้ น้ำนมแม่จึงมีประโยชน์ต่อกระบวนการเผาผลาญในร่างกายที่กำลังเติบโต โดยธรรมชาติแล้วอาหารทารกเทียมไม่สามารถมีคุณสมบัติดังกล่าวได้

· เอนไซม์เอนไซม์ (เอนไซม์) มีความสำคัญมากต่อการทำงานของทารกอย่างเต็มที่ พวกมันกระตุ้นกระบวนการพัฒนาของร่างกายเด็ก เอนไซม์หลายชนิดพบได้ในปริมาณมากในน้ำนมเหลือง มีอยู่ในนมโตแต่ความเข้มข้นต่ำกว่า แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเสริมส่วนผสมเทียมด้วยเอนไซม์

· ปัจจัยภูมิคุ้มกันนมแม่ทำหน้าที่สองอย่างที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องลูกจากโรคภัยไข้เจ็บ ประการแรก ตัวมันเองมีความสามารถในการปกป้องร่างกายของเด็กจากจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ประการที่สองมีส่วนช่วยในการพัฒนาและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเด็กเล็ก ทันทีที่เด็กเกิดมา ร่างกายเล็กๆ ที่ไม่มีการป้องกันของเขาจะถูกโจมตีโดยแบคทีเรียและสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดโรคหลายชนิด หากไม่มีนมแม่ ทารกแรกเกิดจะรับมือกับการโจมตีเช่นนี้ได้ยาก ระบบภูมิคุ้มกันของทารกเกิดใหม่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ดังนั้นคอลอสตรัมจึงมีปัจจัยในการปกป้องจำนวนมาก ให้เราแสดงรายการหลัก ๆ: เอนไซม์, อิมมูโนโกลบูลิน, ปัจจัยบิฟิดัส, ลิมโฟไซต์, นิวตอร์ฟิล, เซลล์เยื่อบุผิว, แลคโตเฟอร์ริน บทบาทของสารเหล่านี้ในการปกป้องร่างกายของเด็กนั้นมีมหาศาล ตัวอย่างเช่น สารคัดหลั่งอิมมูโนโกลบูลินเอมีคุณสมบัติพิเศษในการห่อหุ้มกระเพาะอาหารและลำไส้ของเด็ก ดังนั้นจึงสร้างชั้นป้องกันที่เชื่อถือได้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค นอกจากนี้น้ำนมแม่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างเยื่อบุผิวในลำไส้และกระตุ้นการผลิตเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยอาหาร ร่างกายของผู้หญิงผลิตแอนติบอดีอย่างต่อเนื่องซึ่งช่วยให้ร่างกายรับมือกับไวรัสและแบคทีเรียจากต่างประเทศ แอนติบอดีดังกล่าวยังมีอยู่ในน้ำนมแม่ ดังนั้นทารกจึงได้รับการปกป้องจากการติดเชื้อต่างๆ ได้อย่างน่าเชื่อถือ น้ำนมแม่ยังมีชิ้นส่วนของไวรัสหลายชนิด เมื่ออยู่ในร่างกายของเด็กแล้ว สิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาภูมิคุ้มกันของเขาเอง

· ส่วนประกอบอื่นๆนมแม่มีสารพิเศษคือนิวคลีโอไทด์ จำเป็นสำหรับการเผาผลาญที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเผาผลาญไขมัน ปัจจัยการเจริญเติบโตจำเพาะยังปรากฏอยู่ในน้ำนมแม่ด้วย (เช่น ปัจจัยการเจริญเติบโตของผิวหนังชั้นนอก ปัจจัยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเส้นประสาท และอื่นๆ) กลไกที่แท้จริงของอิทธิพลที่มีต่อพัฒนาการของทารกยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างครบถ้วน

องค์ประกอบของตารางการให้นมแม่

อ่านบน baby.ru: ทารกอายุ 7 สัปดาห์

คงไม่มีแม่เลี้ยงเดี่ยวคนไหนที่ไม่รู้เกี่ยวกับประโยชน์ของนมแม่สำหรับลูก แต่พ่อแม่ก็มักจะละทิ้งผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์นี้ไปหันไปใช้นมผสมแทน แน่นอนว่าการป้อนนมทารกด้วยขวดนมทำได้เร็วและง่ายกว่ามาก แต่เป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำประโยชน์ของนมแม่ต่อสุขภาพและการใช้งานของทารกไปไว้ในระดับเดียวกัน?

ประโยชน์ของการให้นมแม่แก่ทารก

ประโยชน์ของนมแม่นั้นไม่ได้เป็นเพียงชุดโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตที่คัดสรรทางพันธุกรรมโดยเฉพาะสำหรับลูกของคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชุดของอิมมูโนโกลบูลินที่คัดเลือกมาในลักษณะเดียวกันซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างภูมิคุ้มกันของ ลูกน้อยของคุณ

น้ำนมแม่มีสิ่งที่เรียกว่าไบฟิดัสแฟคเตอร์ (พรีไบโอติก) ซึ่งมีส่วนทำให้ลำไส้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับเด็กก็คือน้ำนมแม่มีไลโซไซม์จำนวนมากซึ่งเป็นโปรตีนที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียเด่นชัดและอิมมูโนโกลบูลินเอซึ่งเป็นอุปสรรคต่อพืชที่ทำให้เกิดโรค

ไม่มีสูตรใดแม้แต่สูตรที่แพงที่สุดก็จะให้คุณเป็นเซตนี้ได้!

และอีกประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เมื่อมนุษย์ตัวเล็กๆ แข็งตัวอยู่ที่อกแม่ มันจะดูดซับความรักของแม่ พลังทั้งหมดที่แม่มอบให้เขา

ทารกที่กินนมแม่จะสงบสติอารมณ์มากขึ้นเสมอ ความผิดปกติทางระบบประสาท (ถ้ามี) จะหายไปเร็วขึ้น

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นงานหนัก

แต่นี่คือปัญหา:ในการให้นมลูก ผู้เป็นแม่ต้องใช้ความพยายาม เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ทั้งหมดของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว อย่าลืมว่า การทำงานหนักบางครั้งโดยเฉพาะในช่วงเดือนแรกของลูกคือการทำงานหนัก

บางครั้งไม่ใช่แค่การคลอดเท่านั้น แต่ยังมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่อง บาดแผลที่ไม่หาย มีก้อน และน้ำนมไหลไม่หยุด

ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้ว อุ้มทารกไว้ที่อกของคุณแปดครั้งต่อวันเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง! และบ่อยยิ่งขึ้น!

อย่านอนตอนกลางคืน! และอย่าไปเดินเล่นและอย่าวิ่งไปเรียนมหาวิทยาลัย อย่าคุยกับแฟนของคุณ

มันเป็นเรื่องที่แตกต่าง - ขวด: เจือจาง, เท, ห้านาที - และเด็กก็ได้รับอาหาร! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรูในหัวนมมีขนาดใหญ่ขึ้น

แค่คิดก็สร้างภูมิคุ้มกัน! ภูมิคุ้มกันนี้อยู่ที่ไหน? เขาไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยิน

และอีกอย่างหนึ่ง:เมื่อหญิงมีครรภ์เดินก็งดสูบบุหรี่ และตอนนี้เธอก็คลอดแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะดี

และฉันอยากสูบบุหรี่จริงๆ! สูบบุหรี่ดื่มกับเพื่อนฝูง

ใช่แล้ว หน้าอกยังสวย! สำหรับคุณแม่บางคน นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่ควรให้นมลูก แต่เหตุผลนี้มันหลอกลวงขนาดไหน...

นมเลยหมด มันหายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่

เชื่อฉัน:จริงอยู่ การที่แม่สูญเสียน้ำนมในระยะแรกนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก

คุณอาจไม่ได้พูดเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมคุณถึงไม่ต้องการให้นมลูก คุณอาจไม่ยอมรับกับตัวเองว่าทำไมคุณถึงไม่อยากให้อาหาร

แน่นอนว่าลูกจะโตขึ้น แต่นมก็หายไป และ "อิสรภาพ" ก็มา ไม่มีอะไรเจ็บตรงไหน ฉันไม่ปวดหลังจากการนั่งท่าเดิมโดยมีเด็กอยู่ในอ้อมแขน คุณสามารถสูบบุหรี่ดื่มได้ คุณสามารถออกไปเป็นเวลานานหรือออกจากบ้านโดยทิ้งลูกน้อยไว้กับย่าหรือแม้แต่พี่เลี้ยงเด็ก

ตอนนี้มีสูตรนมเยอะมาก สำหรับทุกรสนิยม แพ้ง่าย ปราศจากแลคโตส ด้วยนมวัวและนมแพะ และนมถั่วเหลืองหากต้องการ

เป็นเรื่องดีที่พวกเขามีอยู่ อุปสงค์สร้างอุปทาน แน่นอนว่าเด็กจะได้รับการเลี้ยงดูและเติบโต บางทีเขาอาจจะอ้วนก็ได้

เฉพาะสิ่งที่เขาผู้น่าสงสารซึ่งมีภาระอยู่แล้วเท่านั้นที่จะเพิ่มการขาดภูมิคุ้มกันที่ถ่ายทอดจากแม่

เห็นแก้มเด็กแดงเป็นเงาแค่ไหน? อาจไม่ใช่แค่แก้มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผิวแห้งหรือมีคราบจุลินทรีย์ทั่วตัวด้วย? นี่คือร่างทารกของเขา

คุณได้ยินเขากรีดร้องไหมลูกของคุณ? ท้องของเขาบวม แทนที่จะฟื้นตัวจากการให้อาหารแต่ละครั้งอย่างสงบ เขาแทบจะไม่เดินวันละครั้ง และบางครั้งเดินทุกๆ สองวัน และแม้กระทั่งสวนทวารด้วยซ้ำ

บทความนี้ถูกอ่าน 1,780 ครั้ง