ระยะเทอร์มินัลจะอยู่ได้นานแค่ไหน? พวกเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งอย่างไร: ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งก่อนเสียชีวิต

ระดับมะเร็งที่รุนแรงที่สุดคืออันดับที่สี่ เวทีเทอร์มินัล- นี่เป็นระยะสุดท้ายของพยาธิวิทยา ซึ่งเนื้องอกจะเติบโตเป็นขนาดมหึมา เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายและ การเสื่อมสภาพอย่างรุนแรงสภาพของผู้ป่วย ในการพัฒนาด้านเนื้องอกวิทยา เนื้องอกร้ายเกิดขึ้นในหลายขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะมีลักษณะอาการและข้อมูลการพยากรณ์โรคของตัวเอง

การรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายเป็นแบบประคับประคอง กล่าวคือ มุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงสภาพของผู้ป่วย ลดความทุกข์ทรมาน และอายุยืนยาว แต่ในมาก ในบางกรณีแพทย์สามารถจัดการเพื่อให้ฟื้นตัวและช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ หลายอย่างที่นี่ไม่เพียงขึ้นอยู่กับความพยายามของแพทย์และความไวของร่างกายต่อการบำบัดเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ของบุคคลนั้นด้วย

ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเกือบทุกชนิดจะต้องเผชิญกับมะเร็งระยะสุดท้าย เนื่องจากเป็นมะเร็งเกือบทุกรูปแบบ ระยะแรกไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น สัญญาณมากมาย ระยะเริ่มแรกเนื้องอกวิทยามีความคล้ายคลึงกับโรคอื่นๆ ที่มีอันตรายน้อยกว่า ดังนั้นผู้คนจึงมักเพิกเฉยต่อโรคเหล่านี้และไม่รีบไปพบแพทย์ สิ่งนี้นำไปสู่ความจริงที่ว่าการวินิจฉัยโรคมะเร็งเกิดขึ้นแล้วในระยะสุดท้าย (สุดท้าย) ในช่วงเวลานี้ เนื้องอกจะมีขนาดใหญ่ การแพร่กระจายส่งผลกระทบต่ออวัยวะและระบบต่างๆ มากมาย เนื้องอกจะแพร่กระจายไปยังกระดูกและสมอง เดินทางผ่านกระแสเลือดและ ระบบน้ำเหลืองไปยังอวัยวะที่อยู่ห่างไกล

ในผู้ป่วยระยะสุดท้ายการทำงานของอวัยวะเกือบทั้งหมดเกิดขึ้น ความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องและอื่น ๆ อาการรุนแรง- ความช่วยเหลือจากแพทย์ ขั้นตอนสุดท้ายมุ่งเป้าไปที่การลดความรุนแรงของอาการ ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง การผ่าตัดทั้งเคมีบำบัดหรือวิธีการรักษาอื่น ๆ ไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยได้ ในกรณีส่วนใหญ่ที่ครอบงำ การเสียชีวิตในช่วงระยะสุดท้ายเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือน แต่มีกรณีที่ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าห้าปีโดยมีระยะที่สี่ของเนื้องอกวิทยา

สัญญาณทั่วไป

เกือบทุกครั้งในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการของเนื้องอกมะเร็งซึ่งไม่สามารถพูดได้เกี่ยวกับระยะสุดท้ายของพยาธิวิทยาของมะเร็ง โรคมะเร็งของอวัยวะบางชนิดเกิดขึ้นพร้อมกับอาการเฉพาะของอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ แต่ก็มีเช่นกัน คุณสมบัติทั่วไประยะสุดท้ายของเนื้องอก

ประการแรกสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณของความเป็นพิษของมะเร็งที่เกิดขึ้นเนื่องจากการสลายของเนื้องอก

สัญญาณเหล่านี้ได้แก่:

ขาดความอยากอาหาร
น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
ความเหนื่อยล้าของร่างกายอย่างรุนแรง (cachexia);
การกรอก ช่องท้องของเหลว (น้ำในช่องท้อง)

นอกจากนี้ มะเร็งระยะสุดท้ายยังมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น อ่อนแรงมากขึ้น เหนื่อยล้า และสมรรถภาพลดลง อาการปวดจะทนไม่ไหวมีอาการอาเจียนและหมดสติมีภาวะโลหิตจางรุนแรงเกิดขึ้นและผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่ร้ายแรงมาก

การแสดงอาการในมะเร็งชนิดต่างๆ

อาการของโรคมะเร็งระยะสุดท้ายขึ้นอยู่กับระดับความชุก การปรากฏของโรคหรือการติดเชื้ออื่นๆ และระยะการแพร่กระจายของมะเร็งทั่วร่างกาย อายุของผู้ป่วยมีบทบาทสำคัญ คนหนุ่มสาวสามารถทนต่ออาการได้ง่ายกว่าผู้ป่วยสูงอายุ มะเร็งระยะสุดท้ายสามารถแสดงออกได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับอวัยวะใดที่ได้รับผลกระทบจากเนื้องอกระยะสุดท้าย

มะเร็งเต้านม

เมื่อเนื้องอกส่งผลกระทบต่อต่อมน้ำนมจะมีก้อนเนื้อที่เจ็บปวดปรากฏขึ้น อาจมีหนึ่งหรือหลายเนื้องอก ในระหว่างระยะสุดท้าย อาการปวดจะรุนแรงขึ้นและขนาดของเนื้องอกจะเพิ่มขึ้น การแพร่กระจายของโรคในระยะนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประการแรก เนื้องอกวิทยาแพร่กระจายไปที่ซอกใบ ต่อมน้ำเหลือง- นอกจากนี้ ผ่านทางระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง กระบวนการทางเนื้องอกจะแพร่กระจายไปยังปอด ตับ สมอง และอวัยวะอื่น ๆ

มะเร็งสมอง

เมื่อความพ่ายแพ้เกิดขึ้น โครงสร้างสมองอาการจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากเนื้องอก ในระยะสุดท้าย เนื้องอกมีขนาดใหญ่มากจนส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองทั้งหมด ในกรณีนี้อาจขัดขวางการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆ ของร่างกายได้ ผู้ป่วยระยะสุดท้ายอาจมีจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ อาจรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน มักสูญเสียการประสานงาน ปวด และเวียนศีรษะ

มะเร็งกระเพาะอาหาร

พยาธิวิทยาของกระเพาะอาหารมีลักษณะเฉพาะ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในบริเวณหน้าท้อง คนป่วยจะสูญเสียความอยากอาหารโดยสิ้นเชิง และมักจะต้องได้รับอาหารทางหลอดเลือดดำในโรงพยาบาล ผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเป็นเลือดซึ่งบ่งบอกถึงความเสียหายต่อผนังอวัยวะและหลอดเลือด น้ำหนักของผู้ที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะสุดท้ายจะลดลงอย่างรวดเร็วและทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง ผิวหนังของผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของเนื้องอกจะได้โทนสีเทาเอิร์ธโทน

มะเร็งปอด

ในระยะสุดท้าย มะเร็งปอดจะมีอาการรุนแรงร่วมด้วย เช่น ไอรุนแรง หายใจลำบาก และมีอาการ การหายใจล้มเหลว- เวลาไอมีเสมหะปนเลือดออกมา หน้าอกรู้สึกแข็งแกร่ง อาการปวด- การไอบ่อยครั้งและทำให้ร่างกายอ่อนแอลงทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ และปัญหาการหายใจเริ่มขึ้น ความอดอยากออกซิเจนอวัยวะและระบบทั้งหมด

ระยะสุดท้ายมีลักษณะเป็นการแพร่กระจายซึ่งสามารถไปที่สมองนำไปสู่ ความผิดปกติทางจิต- เนื่องจากมะเร็งปอดพัฒนาอย่างรวดเร็วและสัญญาณจะปรากฏเฉพาะในระยะสุดท้ายเท่านั้น เนื้องอกของอวัยวะนี้บ่อยกว่าส่วนอื่น ๆ จึงทำให้เสียชีวิตได้

มะเร็งตับอ่อน

ในช่วงที่มีความร้อนของตับอ่อน มะเร็งจะมาพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดจะรู้สึกรุนแรงที่สุดใน บริเวณเอว- คนที่เป็นมะเร็งตับอ่อนจะสูญเสียความอยากอาหารและกระหายน้ำตลอดเวลา ช่องท้องของผู้ป่วยที่มีการวินิจฉัยในระยะสุดท้ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการสะสมของของเหลวในช่องท้องหลอดเลือดที่ขาถูกอุดตันด้วยลิ่มเลือดซึ่งนำไปสู่อาการบวมปวดและปัญหาในการเคลื่อนไหว

มะเร็งตับ

ในช่วงระยะความร้อนของเนื้องอกในตับ จะมีเลือดออกในตับบ่อยครั้ง อวัยวะจะมีขนาดเพิ่มขึ้น และเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป บุคคลนั้นยังรู้สึกหนักหน่วงท้องอืดและปวดในภาวะ hypochondrium ด้านขวา ละเมิด กระบวนการเผาผลาญและโรคตับอักเสบก็เกิดขึ้น หลังจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนสีของอุจจาระ, ความเข้มข้นของปัสสาวะเพิ่มขึ้น, และสีเหลืองให้กับผิวหนังและตาขาวของผู้ป่วย

มะเร็งต่อมลูกหมาก

มะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้ายเผยตัวมันเอง ความรู้สึกเจ็บปวดในบริเวณเอว, กระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อย, กลั้นปัสสาวะไม่อยู่. นิ่วในไตของผู้ป่วยและเกิดปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับการแข็งตัวของอวัยวะเพศและความใคร่ การแพร่กระจายของมะเร็งในระยะความร้อนเกิดขึ้นในกระดูกสันหลังซึ่งนำไปสู่การบีบตัวของกระดูกสันหลัง เนื่องจากมีการบีบอัด ไขสันหลังอัมพาตพัฒนา

แพทย์สามารถช่วยอะไรได้บ้าง?

สำหรับมะเร็งระยะสุดท้าย จะทำการรักษาแบบประคับประคองเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าแพทย์จะไม่พยายามกำจัดผู้ป่วยมะเร็งอีกต่อไป เนื่องจากการแพร่กระจายของมะเร็งหลายครั้งไม่สามารถกำจัดออกด้วยวิธีใดๆ ก็ได้ การผ่าตัดไม่ใช่เคมีบำบัดหรือการฉายรังสี

สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงว่าในช่วงความร้อนของเนื้องอกสภาพของผู้ป่วยจะรุนแรงมากดังนั้นการผ่าตัดอาจถึงแก่ชีวิตได้

การบำบัดด้วยเคมีและการฉายรังสียังคงดำเนินการอยู่ แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความรุนแรงของการเติบโตของเนื้องอกเท่านั้น

เคมีบำบัดในระยะสุดท้ายของโรคจะดำเนินการในหลักสูตรและป้องกันการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของการแพร่กระจายซึ่งมีอยู่มากมายในระยะสุดท้าย แต่การรักษาดังกล่าวมีจำนวนมาก ผลข้างเคียง- แพทย์ยังสามารถทำการรักษาด้วยฮอร์โมนและสั่งยาเพื่อลดความรุนแรงของอาการเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถทนต่อระยะสุดท้ายของโรคได้ง่ายขึ้น นี้ วิตามินเชิงซ้อน, การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน, ยาแก้ปวดและยาแก้คลื่นไส้ นอกจากการรักษาแล้วยังมีการทำงานร่วมกับนักจิตวิทยาด้วยเพราะในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะไม่ตกอยู่ในความสิ้นหวังและต่อสู้กับโรคจนถึงที่สุด การสนับสนุนจากญาติและคนใกล้ชิดก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยเช่นกัน

พยากรณ์

เมื่อต้องเผชิญกับโรคมะเร็งระยะสุดท้าย คุณไม่ควรคาดหวังให้แพทย์แจ้งกรอบเวลาให้คุณทราบทันที

การพยากรณ์โรคมะเร็งในระยะสุดท้ายขึ้นอยู่กับ:

อายุของผู้ป่วย
ประเภทของเนื้องอกและความก้าวร้าว
การแปลเนื้องอก
การบำบัดที่เลือกสรร;
ปฏิกิริยาของร่างกายต่อการรักษา
การปรากฏตัวของโรคและโรคอื่น ๆ

บทบาทสำคัญในการพยากรณ์โรคในระยะสุดท้ายของโรคนั้นขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าของผู้ป่วยเอง ไม่ว่าเขาจะพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม ตามกฎแล้วผู้ที่ไม่ยอมแพ้สามารถบรรลุการบรรเทาอาการในระยะยาวได้แม้จะอยู่ในระยะสุดท้ายของเนื้องอกก็ตาม

หากโรคมะเร็งถึงจุดสูงสุดก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีประโยชน์ในการรักษา มีตัวอย่างมากมายที่ในระหว่างระยะสุดท้ายของเนื้องอกวิทยา มีความเป็นไปได้ที่จะยืดอายุของผู้ป่วยได้ห้าปีหรือมากกว่านั้น โดยปกติแล้วสิ่งนี้ต้องใช้ความพยายามและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่ถ้าคุณไม่เริ่มมาตรการการรักษาทันทีหลังการวินิจฉัย การนับอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายสัปดาห์

ความคิดเกี่ยวกับการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเกิดขึ้นไม่เพียงเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว แต่ยังรวมถึงผู้สูบบุหรี่บางคนที่มีประวัติการสูบบุหรี่มายาวนานด้วย ปริมาณมากบุหรี่ต่อวัน ทุกปีมีผู้ป่วยประมาณ 1.5 ล้านคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดซึ่งสัมพันธ์กับ นิสัยไม่ดีและอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีควันอันตรายจากการทำงานในปริมาณมาก สถานประกอบการอุตสาหกรรม- เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยเพิ่มมากขึ้น หลายคนที่ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน โรคร้ายมักจะเจอถ้าไม่เปิด ประสบการณ์ของตัวเองจากนั้นเมื่อวินิจฉัยพยาธิสภาพนี้ในญาติหรือเพื่อน

อาการของโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย

มะเร็งปอดระยะสุดท้ายในผู้ป่วยเป็นเรื่องยากมาก ความจริงก็คือเนื้องอกมะเร็งที่เกิดขึ้นในปอดได้แพร่กระจายไปแล้วซึ่งมาพร้อมกับการปรากฏตัวของการก่อตัวรองในอวัยวะอื่น ๆ และอาการของพวกเขา นอกจากนี้ เนื้องอกหลักมักเติบโตเป็นเยื่อหุ้มปอดและหลอดอาหาร ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงและความทุกข์ทรมานเพิ่มเติม

เมื่อเนื้องอกเติบโตในหลอดอาหาร ผู้ป่วยจะสูญเสียความสามารถในการกลืนอาหารตามปกติ ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงกดดันทางจิตใจด้วย อาการของการพัฒนาของเนื้องอกในปอดในระยะสุดท้ายของมะเร็งมีความเด่นชัดมาก ให้มากที่สุดอาการลักษณะเฉพาะ

มะเร็งปอดระยะสุดท้าย ได้แก่:
สำลักไอ;
เสมหะหนืดมีหนองไหลออกมา
การรบกวนของสติ;
การเสื่อมสภาพของการได้ยินและการมองเห็นเนื่องจากการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังสมอง
สัญญาณของความมึนเมาทั่วไป
อาการง่วงนอนและไม่แยแส;
อาการปวดอย่างรุนแรง
กล้ามเนื้อลีบ;
ความรู้สึกเย็นอย่างต่อเนื่อง

หายใจลำบาก อาการของผู้ป่วยแย่ลงทุกวัน และแม้แต่การรักษาแบบประคับประคองก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการได้มากนัก บ่อยครั้งในระยะนี้มีการใช้ยาเสพติดเพื่อบรรเทาอาการของผู้ป่วยซึ่งสามารถกำจัดได้ชั่วคราวความรู้สึกเจ็บปวด - ทุกวันอาการแสดง

เนื้องอกกำลังเติบโต อย่างไรก็ตาม แพทย์ด้านเนื้องอกวิทยาไม่สามารถตอบคำถามได้เสมอไปว่าการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งจะเป็นอย่างไรในผู้ป่วยรายใดรายหนึ่ง ความจริงก็คือในขณะที่มะเร็งปอดและเนื้องอกทุติยภูมิพัฒนาขึ้น จะสามารถสังเกตอาการต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งปอดที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ในกรณีที่หลักสูตรที่ดี เมื่อบุคคลไม่มีภาวะเฉียบพลัน

เซลล์เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายไม่สามารถทำหน้าที่ของเนื้อเยื่อปอดที่แข็งแรงได้ ดังนั้นปอดที่ได้รับผลกระทบจะไม่สามารถทำให้เลือดอิ่มตัวด้วยออกซิเจนได้อีกต่อไป ซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติหลายประการ และบางครั้งก็ทำให้หายใจไม่ออก นอกจากนั้นก็มักจะเป็น เนื้องอกที่คล้ายกันส่งผลต่อพื้นที่ปอดขนาดใหญ่เกินไปจนทำให้ระบบหายใจล้มเหลวรุนแรงถึงขั้นต่อเครื่องช่วยหายใจก็ไม่สามารถชดเชยการขาดออกซิเจนได้

เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อเทียบกับระยะสุดท้ายของมะเร็งปอดมีการสะสมของของเหลวในเนื้อเยื่อดังนั้นผู้ป่วยอาจสำลักหากไม่ได้ทำการเจาะในเวลาที่เหมาะสมเพื่อกำจัดสารหลั่ง บ่อยครั้งที่สถานการณ์รุนแรงขึ้นโดยการอาเจียนอย่างต่อเนื่องลำไส้อุดตันและอาการจากอวัยวะอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่กระจาย

แม้ว่าเนื้องอกจะส่งผลเสียอย่างมากต่อทั้งร่างกาย แต่การเสียชีวิตของผู้ป่วยมักเกิดขึ้นเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่นำไปสู่ความตายในทันที ตัวอย่างเช่น เนื้องอกในปอดของเซลล์ขนาดเล็กมักกระตุ้นให้เกิดภาวะต่างๆ เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน เนื่องจากเงื่อนไขนี้ การเสียชีวิตจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหากบุคคลนั้นไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่จำเป็น

นอกจากนี้ภาวะตกเลือดในปอดจำนวนมากยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอด

ตามกฎแล้วเลือดออกจะเกิดขึ้นกับพื้นหลังของอาการไอรุนแรงซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในผู้ป่วยมะเร็งปอด

ข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการพัฒนาเลือดออกคือการแทรกซึมของเซลล์เนื้องอกมะเร็งเข้าไปในผนังขนาดใหญ่ หลอดเลือดซึ่งทำให้พวกมันอ่อนแอลงอย่างมากและทำให้เกิดการแตกร้าว

มีหลายทางเลือกสำหรับการตกเลือด มีลักษณะเลือดออกจากการขาดอากาศหายใจ ปล่อยมากมายเลือดเข้าสู่ปอดส่งผลให้ขาดออกซิเจน ในกรณีส่วนใหญ่ เมื่อมีเลือดออกประเภทนี้ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 2-5 นาที เช่นกัน การผ่าตัดรักษาตามกฎแล้วจะไม่อนุญาตให้คุณกำจัดเงื่อนไขดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

ในวิดีโอนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ อาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงมะเร็งปอด

รูปแบบเลือดออกที่พบบ่อยอีกรูปแบบหนึ่งคือแบบหยัก ในกรณีนี้การตกเลือดเกิดขึ้นในต้นไม้หลอดลมเช่นเดียวกับ เนื้อเยื่อปอดเลือดออกดังกล่าวมักเกิดจากการสำลัก โรคปอดบวม และภาวะแทรกซ้อนดังกล่าววินิจฉัยได้ยากมาก

การเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งปอดมักเกิดจากเคมีบำบัดและ การบำบัดด้วยรังสี- ความจริงก็คือเคมีบำบัดใช้ยาที่มีพิษร้ายแรงซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายเท่านั้น เซลล์มะเร็งแต่ยังส่งผลเสียต่อเนื้อเยื่อที่แข็งแรงอีกด้วย

วิดีโอนี้พูดถึงอาการของสภาวะเทอร์มินัล

การรักษาด้วยการฉายรังสีมักจะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งก่อให้เกิดการครอบครองร่างกายที่อ่อนแออย่างรวดเร็วโดยจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ในกรณีที่พบไม่บ่อยนัก การรักษามะเร็งระยะสุดท้ายจะให้ผล ผลเชิงบวกดังนั้นความหวังเดียวในการบรรเทาอาการของผู้ป่วยคือการบำบัดแบบประคับประคอง

รัฐเทอร์มินัล- สิ่งเหล่านี้เป็นขอบเขตระหว่างชีวิตและความตายที่ผ่านไป ร่างกายมนุษย์- ในระหว่างสถานะเทอร์มินัล ฟังก์ชันจะหยุดลง ระบบหัวใจและหลอดเลือด, การหายใจ, ส่วนกลาง ระบบประสาท,ไต,ตับ,ระบบฮอร์โมน,ระบบเผาผลาญ เนื้อเยื่อต่างๆ ตอบสนองต่อการหยุดส่งเลือดและออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อที่แตกต่างกันแตกต่างกัน และการตายของเนื้อเยื่อเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน ดังนั้นการฟื้นฟูการไหลเวียนโลหิตและการหายใจอย่างทันท่วงทีโดยใช้มาตรการที่เรียกว่าการช่วยชีวิตสามารถนำบุคคลออกจากสภาวะสุดท้ายได้

เงื่อนไขเทอร์มินัลได้แก่:

ช็อตอย่างรุนแรง (ช็อตระดับ IV);
อาการโคม่ารุนแรง;
ทรุด;
เทอร์มินัลหยุดชั่วคราว;
preagonia (สถานะ preagonal);
ความทุกข์ทรมาน (สถานะagonal);
การเสียชีวิตทางคลินิก

สภาวะสุดท้ายยังรวมถึงสถานะของสิ่งมีชีวิตที่ฟื้นคืนชีพหลังจากการช่วยชีวิตด้วย

ขั้นตอนหลักของการตาย:

สถานะเหลี่ยม (เหลี่ยม) สถานะ;
เทอร์มินัลหยุดชั่วคราว (ไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป);
รัฐเจ็บปวด;
การเสียชีวิตทางคลินิก (หรือการเจ็บป่วยหลังการช่วยชีวิต);
ความตายทางชีวภาพ

ใน สถานะเหลี่ยม (เหลี่ยม)จิตสำนึกของผู้ป่วยยังคงอยู่แต่สับสน ความดันโลหิตลดลงเหลือศูนย์ ชีพจรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นเหมือนเส้นด้าย หายไปในหลอดเลือดแดงส่วนปลาย แต่คลำในหลอดเลือดแดงคาโรติดและต้นขา การหายใจตื้นและลำบาก ผิวมีสีซีด เชื่อกันว่า preagony ไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน ตัวอย่างเช่น เมื่อการไหลเวียนโลหิตหยุดกะทันหัน ช่วงเวลานี้จึงหายไปเลย ในทางตรงกันข้าม ในกรณีที่มีเลือดออก เมื่อกลไกการชดเชยถูกเปิดใช้งาน preagony อาจดำเนินต่อไปได้หลายชั่วโมง

บางครั้งระหว่างสภาวะ preagonal และ agonal ก็เกิดขึ้น เทอร์มินัลหยุดชั่วคราว- ภาวะที่คงอยู่ตั้งแต่ 5-10 วินาทีถึง 1-4 นาที: หยุดหายใจ ชีพจรเต้นน้อย บางครั้งหายไป ปฏิกิริยาของรูม่านตาต่อแสง การสะท้อนกลับของกระจกตา (การปิดเปลือกตาเมื่อสัมผัสกระจกตาเบา ๆ) จะหายไป รูม่านตาจะขยายตัว

เมื่อเสียชีวิตในสภาวะของการดมยาสลบ จะไม่มีการหยุดชั่วคราว เมื่อสิ้นสุดการหยุดชั่วคราว ความเจ็บปวดจะเกิดขึ้น

ในระหว่าง ความทุกข์ทรมาน ความดันโลหิตและไม่ได้กำหนดพัลส์ (พัลส์หายไปที่อุปกรณ์ต่อพ่วงและอ่อนลงอย่างมากใน หลอดเลือดแดงใหญ่- ปฏิกิริยาตอบสนองของดวงตา (กระจกตา ปฏิกิริยาของรูม่านตาต่อแสง) หายไป การหายใจจะมีลักษณะเป็นการกลืนอากาศบางส่วน

ความตายทางคลินิก- ระยะเปลี่ยนผ่านระยะสั้นระหว่างชีวิตและความตายยาวนาน 3-6 นาที ขาดการหายใจและการทำงานของหัวใจ รูม่านตาขยาย ผิวเย็นไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ยังคงสามารถฟื้นฟูการทำงานที่สำคัญได้ด้วยการช่วยชีวิต มากขึ้น วันที่ล่าช้าการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถย้อนกลับได้เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อและการเสียชีวิตทางคลินิกกลายเป็นความตายทางชีวภาพ ซึ่งการพัฒนานี้ไม่รวมถึงความเป็นไปได้ในการฟื้นฟู

เป็นระยะเวลา การเสียชีวิตทางคลินิกประเภทของการตาย สภาพและระยะเวลา อายุของผู้ที่กำลังจะตาย ระดับความตื่นเต้น อุณหภูมิร่างกายระหว่างการตาย ฯลฯ ได้รับผลกระทบ

สาเหตุของสภาวะเทอร์มินัล

อาการบาดเจ็บ;
แผลไหม้;
ช็อต;
กล้ามเนื้อหัวใจตาย;
ความผิดปกติเฉียบพลัน อัตราการเต้นของหัวใจ;
การสูญเสียเลือดอย่างมีนัยสำคัญ
การอุดตัน ระบบทางเดินหายใจ, ภาวะขาดอากาศหายใจ;
ความพ่ายแพ้ ไฟฟ้าช็อต;
จมน้ำ;
ภูมิแพ้ (แมลงสัตว์กัดต่อย, การบริหารยา);
ปกคลุมไปด้วยดิน ฯลฯ

สัญญาณของสภาวะเทอร์มินัล

ขาดการหายใจ
การไหลเวียนโลหิตหยุดนิ่ง;
หมดสติ (โคม่า)

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับสภาวะเทอร์มินัล

มาตรการพื้นฐานเพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานที่สำคัญของร่างกาย (กฎ ABC):
ทางเดินอากาศเปิด - ฟื้นฟูการแจ้งชัดของทางเดินหายใจ
หายใจแทนเหยื่อ - เริ่มการช่วยหายใจในปอดเทียม (ALV)
การไหลเวียนของเลือด - เริ่มการนวดหัวใจ
จังหวะก่อนบันทึก

การช่วยชีวิตหัวใจและปอดควรเริ่มต้นทันทีเมื่อสภาวะสุดท้ายได้รับการยืนยัน

ข้อห้ามในการช่วยชีวิต

เวทีเทอร์มินัล โรคที่รักษาไม่หาย;
เนื้องอกมะเร็งมีการแพร่กระจาย
ความเสียหายของสมองที่ไม่สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้
oligophrenia ในเด็ก

แนะนำให้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การระบายอากาศเทียมปอด (การระบายอากาศ) จากปากสู่ปากหรือจากปากสู่จมูก

ในกรณีนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขต่อไปนี้:

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบทางเดินหายใจส่วนบนของผู้ได้รับการช่วยชีวิตโดยการถอดออก สิ่งแปลกปลอมและโยนศีรษะกลับไป
สร้างรอยปิดผนึกระหว่างริมฝีปากของผู้ช่วยชีวิตและผู้ที่ได้รับการช่วยชีวิตโดยใช้นิ้วบีบจมูก
เป่าอากาศในปริมาณที่เพียงพอด้วยแรงบางอย่าง ความถี่ควรอยู่ที่ 10-16 ครั้งต่อนาที

ในกรณีที่การไหลเวียนของเลือดหยุดลงพร้อมกับการช่วยหายใจทางกลก็จำเป็นต้องดำเนินการ การนวดทางอ้อมหัวใจ

ในการทำเช่นนี้ ผู้ที่ได้รับการช่วยชีวิตควรหงายหน้าขึ้นบนพื้นแข็ง โดยปลดกระดุมเสื้อผ้าออก ยืนข้างเขา วางฝ่ามือข้างหนึ่งไว้ที่ครึ่งล่างของกระดูกสันอกเพื่อให้นิ้วตั้งฉากกับกระดูกอก แต่อย่าสัมผัสร่างกายของผู้ที่ได้รับการช่วยชีวิต เข็มวินาทีวางอยู่บนเข็มแรก แขนตรงของผู้ช่วยเหลืออยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับหน้าอกของผู้ประสบเหตุ การนวดจะดำเนินการอย่างรวดเร็วโดยใช้น้ำหนักของร่างกายทั้งหมดโดยไม่งอข้อศอก เพื่อให้กระดูกสันอกส่วนล่างขยับสัมพันธ์กับกระดูกสันหลังประมาณ 4-5 ซม. หัวใจถูกบีบอัดระหว่างกระดูกสันอกและกระดูกอก กระดูกสันหลังและเลือดจะถูกบีบออกมาโดยอัตโนมัติ จำนวนคลิกโดยเฉลี่ยควรอยู่ที่ 60 ต่อนาที

CPR ควรเสร็จสิ้นเมื่อใด?

เมื่อพบว่าความเสียหายของสมองไม่สามารถรักษาให้หายได้ การขาดการฟื้นฟูการไหลเวียนตามธรรมชาติเป็นเวลานานบ่งชี้ว่าหัวใจไม่สามารถมีชีวิตได้ซึ่งในทางกลับกันทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) อย่างถาวร
ตัวชี้วัดประสิทธิผลของการช่วยชีวิตหัวใจและปอดปรากฏ:

ชีพจรบนหลอดเลือดขนาดใหญ่ - หลอดเลือดแดงคาโรติด, ต้นขาและท่อน;
ความดันโลหิตซิสโตลิก (บน) ไม่ต่ำกว่า 60 มม. ปรอท ศิลปะ.;
นักเรียนตีบ;
ผิวหนังและเยื่อเมือกที่มองเห็นได้เปลี่ยนเป็นสีชมพู

หลังจาก 15-30 นาทีหลังจากเริ่มการนวดหัวใจและการช่วยหายใจด้วยกลไกอย่างมีประสิทธิผล กิจกรรมของหัวใจไม่กลับคืนมา ไม่มีสัญญาณว่าเลือดไปเลี้ยงสมองเพียงพอ (รูม่านตากว้างที่ไม่ตอบสนองต่อแสง) ควรให้การช่วยชีวิตต่อไป ถือว่าไม่เหมาะสมเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์สมองอย่างถาวร

Holly Kitchen ซึ่งอาศัยอยู่ในเท็กซัส ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง บันทึกวิดีโอเกี่ยวกับวิธีการสื่อสารกับผู้ป่วยระยะสุดท้าย

เมื่ออายุ 39 ปี ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 หนึ่งปีผ่านไป และฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำมัน...

แต่ฉันได้รับการวินิจฉัยที่แตกต่างออกไป - “มะเร็งเต้านมระยะที่ 4 พร้อมการแพร่กระจาย”

“มะเร็งที่มีการแพร่กระจาย” หมายความว่า เซลล์มะเร็งแพร่กระจายจากที่ซึ่งพบครั้งแรกไปยังสถานที่ใด ๆ ในร่างกายทุกที่

มะเร็งเต้านมที่มีการแพร่กระจายนั้นไม่สามารถรักษาได้

มันคร่าชีวิตผู้คนไป 40,000 คนทุกปี

ผู้คนระหว่าง 6 ถึง 10% ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะลุกลามตั้งแต่เริ่มแรก

30% ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจะได้รับการวินิจฉัยในภายหลังว่าเป็นมะเร็งระยะลุกลาม

การรักษาของฉันไม่เคย - ไม่เคย! – จะไม่สิ้นสุด หรือค่อนข้างจะจบลง - แต่ด้วยชีวิตของฉันเท่านั้น

ตามสถิติ หลังจากวินิจฉัยแล้ว ฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ 20 เดือน

คนไม่ชอบพูดถึงโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งที่รักษาไม่หาย น่ากลัวมากจริงๆ!

แต่ก็มีบทสนทนาที่คนเป็นมะเร็งไม่ชอบด้วย

เราไม่ต้องการได้ยิน:

- “คุณจะชนะ!”

- “มันแปลก...คุณก็รู้ แต่คุณดูมีสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์”

- “ คุณใช้ชีวิตอย่างไรจนเป็นมะเร็ง? คุณไม่ดูแลตัวเองเลยหรือไง”

- “ไม่นะ...คุณยังเด็กเกินไป...”

- “คุณได้ลองการรักษานี้แล้วหรือยัง?”

– “คุณยายของฉันมีสิ่งนี้...เธอเสียชีวิต...มันแย่มาก”

- “แพทย์รู้วิธีรักษามะเร็ง แต่พวกเขาเก็บมันไว้เป็นความลับ เพื่อที่พวกเขาจะได้สูบเงินออกจากพวกเรา!”

- "ต่อสู้! อย่ายอมแพ้!

ฉันดิ้นรน ฉันดิ้นรนทุกวันเพราะฉันมีลูกเล็กๆ

บางครั้งการไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า หรือพูดว่า “ฉันอธิษฐานเพื่อคุณ” แต่แล้วอธิษฐานจริงๆ!

ฉันไม่ได้เขียนทั้งหมดนี้เพื่อทำให้ใครอับอาย ผู้คนไม่รู้จริงๆ ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่ได้ยินวลีเหล่านี้ทั้งหมด

ตัวฉันเองไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัย

ตัวอย่างเช่น ฉันคิดว่า: “ไม่มีหน้าอก ไม่มีมะเร็ง” (และมันก็เกิดขึ้นกับผู้ชายด้วย)

ฉันกำลังเขียนทั้งหมดนี้อีกครั้งเพื่อให้ผู้คนได้รู้จักโรคมะเร็งมากขึ้น

และเมื่อคุณเห็นชายคนหนึ่งสวมสร้อยข้อมือสีชมพูสวย (สัญลักษณ์สากลขององค์กรและบุคคลที่สนับสนุนการต่อสู้กับโรคมะเร็งเต้านม) คุณจะรู้ว่าเขาถูกตัดสินจำคุก และประโยคนี้ไม่อยู่ภายใต้การแก้ไข

รับผิดชอบ. แชร์วิดีโอนี้ และผู้คนจะรู้ว่าพวกเขาสามารถพูดอะไรกับผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ และสิ่งที่พวกเขาไม่ควรพูด

แปลโดย แอนนา บาราแบช

มีการกล่าวและเขียนมากมายเกี่ยวกับโรคมะเร็งและระยะของโรค ดังนั้น ผู้ป่วยและครอบครัวจึงเข้าใจว่ามีระยะแรกและระยะเริ่มแรก หรือระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย แต่เมื่อได้ยินจากแพทย์ ว่านี่คือมะเร็งระยะสุดท้ายพวกเขาก็สับสนไปหมด หมายความว่าอย่างไร ร้ายแรงแค่ไหน สามารถรักษาได้ และการพยากรณ์โรคคืออะไร? ทั้งหมดนี้ถือเป็นที่สุด ปัญหาปัจจุบันที่ต้องการการตอบสนอง

เทอร์มินัลสเตจ - มันเป็นอย่างไร?

ระยะสุดท้ายของมะเร็งเป็นการพัฒนาทางพยาธิวิทยาขั้นสุดท้าย ซับซ้อนที่สุด รุนแรงและขั้นสูง โดยมีลักษณะของการแพร่กระจายของเซลล์เนื้องอกทั่วร่างกายที่ไม่สามารถย้อนกลับได้และไม่สามารถควบคุมได้ ที่นี่ เรากำลังพูดถึงมันไม่เกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของอวัยวะเดียวและการหยุดชะงักของการทำงานของมันอีกต่อไป แต่เกี่ยวกับการติดเชื้อของอวัยวะข้างเคียงและความล้มเหลว ปัญหาสำคัญในการทำงานและการดูแลการทำงานปกติของร่างกาย นอกจากอวัยวะหลักแล้ว การพัฒนาของโรคยังนำไปสู่ความเสียหายจากการแพร่กระจายไปยังระบบน้ำเหลือง เนื้อเยื่อกระดูก และโครงสร้างสมอง

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายในตับอ่อน ตับ ไต หรืออวัยวะอื่น ๆ ต้องถึงวาระ แต่ปัจจุบันการแพทย์ได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมาก และวิธีการรักษาที่ทันสมัยทำให้สามารถหยุดกระบวนการทางเนื้องอกได้ ไม่ว่าจะอยู่ในขั้นไหนของการพัฒนาก็ตาม

คุณสมบัติของการแสดงอาการของโรค

หากมะเร็งเข้าสู่ระยะสุดท้าย นั่นหมายความว่าอาการของมะเร็งจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ โดยมีความรุนแรงที่เป็นไปได้ทั้งหมด รวมถึงไม่เพียงแต่สัญญาณของความเสียหายต่ออวัยวะใดอวัยวะหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลักษณะทั่วไปของเนื้องอกวิทยาด้วย ผู้ป่วยทุกคนบ่นว่า:

อาการปวดอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป
ความอ่อนแอเพิ่มขึ้น
เหนื่อยล้าเร็วเกินไป (บางครั้งก็เพียงพอที่จะเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้งเพื่อให้รู้สึกเหนื่อย)
อาการป่วยไข้และสุขภาพไม่ดีเกือบตลอดเวลา
สูญเสียความกระหาย;
การลดน้ำหนักอย่างกะทันหัน

มะเร็งทุกประเภทจะมาพร้อมกับการพัฒนาของโรคโลหิตจางในระยะสุดท้าย

ความสนใจ! การลุกลามของมะเร็งระยะสุดท้ายไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยจะไม่รู้สึกโล่งใจ มันเกิดขึ้นว่าในตอนเช้าเขาไม่สามารถลุกจากเตียงได้ แต่เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวันเขารู้สึกดีขึ้นและออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์

แม้ว่าเรากำลังพูดถึงความเสียหายต่อร่างกายอย่างกว้างขวาง ภาพทางคลินิกคงอาการขึ้นอยู่กับตำแหน่งของกระบวนการทางเนื้องอก ตัวอย่างเช่น มะเร็งปอดระยะสุดท้ายมีลักษณะที่มีลักษณะภายนอก ไออย่างรุนแรง, หายใจลำบาก, มีเลือดปนในเสมหะ

การขาดความอยากอาหารเป็นหนึ่งในนั้น สัญญาณที่ชัดเจนความผิดปกติของร่างกาย

สำหรับมะเร็งเต้านม ขนาดของซีลที่ปรากฏอยู่จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้อาจเป็นโหนดเดียวที่มีขนาดใหญ่และถูกนำไปใช้ รูปร่างที่แตกต่างกันหรือเนื้องอกที่เจ็บปวดหลายก้อนที่ขยายและเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเต้านม ในขณะเดียวกันก็บวมขึ้น ขนาดใหญ่และต่อมน้ำเหลืองที่ซอกใบ

ระยะสุดท้ายของมะเร็งกระเพาะอาหารนั้นมีอาการปวดอย่างรุนแรงในบริเวณอวัยวะและ ปัญหาร้ายแรงกับการย่อยอาหาร อาการนี้มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนตลอดเวลา อาเจียนบ่อยพัฒนาได้แม้จะรับประทานในปริมาณน้อยก็ตาม อาหารเบาๆ- อาเจียนมักมีเลือดปน ผู้ป่วยลดน้ำหนักเร็วเกินไปและอ่อนแอ ผิวหนังมีสีเทา

หากตับผ่านกระบวนการทำลายล้างก็จะมีการเพิ่มขนาดของอวัยวะอย่างเห็นได้ชัดซึ่งยื่นออกมาจากใต้ซี่โครงด้านขวาอย่างชัดเจนและเมื่อคลำก็จะรู้สึกถึงพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ การลุกลามของโรคนำไปสู่การพัฒนาของโรคดีซ่าน การโจมตีของไข้และการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่ดูเหมือนไม่มีสาเหตุกลายเป็นเรื่องปกติ

การเปลี่ยนแปลงของมะเร็งลำไส้ไปสู่ระยะสุดท้ายนั้นไม่เพียงมาพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความผิดปกติอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ผู้ป่วยมีความกังวลเกี่ยวกับอาการท้องร่วงและท้องผูกและอุจจาระมีสีเข้มขึ้นซึ่งอาจกลายเป็นสีดำซึ่งบ่งชี้ว่ามีการแทรกซึมเข้าไป อุจจาระเลือดและรวมถึงเมือกและหนองด้วย พยาธิวิทยามีลักษณะเป็นอาการท้องอืดการสะสมของของเหลวและก๊าซและความรู้สึกไม่พึงประสงค์ การล้างข้อมูลไม่สมบูรณ์ลำไส้

สามารถรักษาได้หรือไม่ และเป็นแบบใด?

แพทย์เตือนเสมอว่ายิ่งคุณเริ่มการรักษาเร็วเท่าไร ก็สามารถเอาชนะโรคต่างๆ รวมทั้งมะเร็งได้ง่ายขึ้นเท่านั้น บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยที่เรียนรู้เกี่ยวกับการวินิจฉัยของตนเอง ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าและไม่แยแส โดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพื่อต่อสู้กับโรค ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ยอมรับไม่ได้เพราะในตัวมันเอง ในช่วงปิดเทอม ทุกวันมีความสำคัญ

พยาธิวิทยาขั้นสูงต้องใช้ความซับซ้อนและ การรักษาระยะยาวมันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงวิธีเดียว แต่เกี่ยวข้องกับความซับซ้อน เหตุการณ์ต่างๆซึ่งได้พิสูจน์ประสิทธิภาพในการรักษาแบบประคับประคองแล้ว แน่นอนว่าสำหรับมะเร็งระยะสุดท้ายมันเป็นเรื่องง่าย การผ่าตัดเอาออกการก่อตัวของเนื้องอกไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และเป็นไปไม่ได้เสมอไป เนื่องจากเนื้องอกมีขนาดใหญ่มากแล้ว และตรวจพบการแพร่กระจายในระยะไกลในอวัยวะต่างๆ โดยทั่วไปโปรแกรมการรักษาจะประกอบด้วย:

สำคัญ! หลังจากการรักษาหลักแล้ว ผู้ป่วยมีความจำเป็นเร่งด่วน ความช่วยเหลือด้านจิตวิทยาและโปรแกรมการฟื้นฟูที่ได้รับการคัดเลือกอย่างเหมาะสม

สิ่งที่แพทย์พูดเกี่ยวกับการพยากรณ์โรคและโอกาสในการฟื้นตัว

คนไข้ทุกๆท่านที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การวินิจฉัยแย่มากและโดยเฉพาะคนใกล้ชิดของเขาก่อนอื่นเลยอยากฟังคำตอบของคำถามที่ว่านี่คือโทษประหารชีวิตหรือมีโอกาส?

ไม่มีแพทย์คนใดสามารถบอกคุณได้อย่างแน่ชัดว่ามะเร็งระยะสุดท้ายจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน และเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้อย่างแน่นอน หากไม่มีการรักษาอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายวัน สำหรับการฟื้นตัวก็มีปัจจัยชี้ขาดมากเกินไปเช่นกัน:

อายุของผู้ป่วย
ประเภทของมะเร็งและระดับความก้าวร้าวของเซลล์
การแปลเนื้องอกมะเร็ง
ปฏิกิริยาของร่างกาย, แนวโน้มที่จะอยู่ภายใต้อิทธิพลภายนอก;
ความเพียงพอของแพ็คเกจการรักษาที่เลือก
ความสามารถ ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายต้านทานการกำเริบของโรค
การปรากฏตัวของโรคอื่นร่วมด้วย

มีอีกปัจจัยที่สำคัญมาก - ทัศนคติทางจิตวิทยาตัวผู้ป่วยเอง ความกล้าหาญและความเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อชีวิต ดังที่แสดงให้เห็นในทางปฏิบัติ ในกรณีส่วนใหญ่ของเนื้องอกวิทยา ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปนั้นมีส่วนช่วยหยุดโรคร้ายแรงได้ ตัวอย่างเช่นเราสามารถพิจารณาสถานการณ์กับนักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังอย่าง Michael Douglas ผู้ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ที่เป็นมะเร็งลำคอระยะสุดท้าย แต่ร่างกายแม้จะอายุมากแล้ว แต่เมื่ออายุเกิน 70 ปีแล้ว ก็สามารถรับมือกับโรคนี้ได้และสามารถบรรเทาอาการได้ในระยะยาว

อย่างระมัดระวัง! นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าสำหรับมะเร็งหลายประเภท การบรรลุการบรรเทาอาการโดยสมบูรณ์แม้จะอยู่ในระยะสุดท้ายจะง่ายกว่าหากเรากำลังพูดถึงพยาธิวิทยาปฐมภูมิด้วยโปรแกรมการบำบัดและการฟื้นฟูที่เลือกสรรอย่างเหมาะสมมากกว่าการกำเริบของโรค

มะเร็งไม่ว่าเราจะพูดถึงการแปลเป็นภาษาท้องถิ่นใดก็ตาม - โรคที่เป็นอันตรายซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเพียงพอ วิธีการที่ทันสมัย- ไม่ว่าในกรณีใดคุณควรเลื่อน "ไว้ใช้ทีหลัง" โดยพยายามรักษาด้วยสมุนไพรและ การเยียวยาพื้นบ้านไม่มีสิ่งใดที่สามารถต้านทานกระบวนการร้ายได้และในขั้นตอนสุดท้ายก็ไม่มีเวลาสำหรับการทดลอง