คำอธิบายผลการสำรวจ x-ray obp วิธีเตรียมตัวสำหรับการเอ็กซเรย์ช่องท้อง โรคไตจากการเอ็กซ์เรย์ช่องท้อง

เอ็กซ์เรย์ช่องท้องเป็นการศึกษาเกี่ยวกับอวัยวะ ช่องท้อง, ที่ ช่วยให้คุณประเมินสภาพของกระเพาะอาหาร ตับ ม้าม ลำไส้ และกะบังลม- การเอ็กซเรย์ช่องท้องยังสามารถตรวจพบปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะและไตได้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีการเอ็กซเรย์สองครั้งจากมุมที่ต่างกัน

รังสีเอกซ์เกิดขึ้นได้ด้วยลำแสงกัมมันตภาพรังสีชนิดพิเศษที่สามารถทะลุผ่านวัตถุส่วนใหญ่ได้ รวมถึงร่างกายมนุษย์ด้วย ภาพที่ได้รับโดยใช้รังสีเอกซ์ได้รับการพัฒนาบนแผ่นฟิล์มหรือแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เนื้อเยื่อที่มีความหนาแน่น เช่น กระดูก จะปิดกั้นรังสีได้มากขึ้น ดังนั้น เมื่อเอ็กซเรย์จะปรากฏเป็นสีขาว เนื้อเยื่อที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า เช่น อวัยวะภายใน จะปิดกั้นรังสีเอกซ์ได้น้อยลง จึงปรากฏเป็นสีเทา

เอ็กซ์เรย์ช่องท้อง- หนึ่งในการทดสอบครั้งแรกนั้น จะช่วยระบุสาเหตุของอาการปวดท้องหรือท้องอืดคลื่นไส้อาเจียน- มีการใช้ pyelography ทางหลอดเลือดดำ, CT scan หรืออัลตราซาวนด์ช่องท้องเพื่อการตรวจสอบเพิ่มเติม

คลินิกของเรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในเรื่องนี้

(ผู้เชี่ยวชาญ 4 คน)

2. ทำไมต้องเอ็กซเรย์ช่องท้องและเตรียมตัวตรวจ

ทำการเอ็กซเรย์อวัยวะในช่องท้องเพื่อ:

• ค้นหาสาเหตุของอาการปวดหรือท้องอืด.
• ค้นหาสาเหตุของอาการปวดหลังส่วนล่างหรือสีข้าง
• ค้นหาตำแหน่งของตับ ไต และม้าม
• ตรวจหานิ่วในไต ถุงน้ำดีและอวัยวะอื่นๆ
• ตรวจจับวัตถุที่ถูกกลืนหรือนำเข้าไปในช่องท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ
• ตรวจสอบสถานที่ เครื่องมือแพทย์(ท่อระบายน้ำ, สายสวน, สับเปลี่ยน)

การเตรียมตัวเอ็กซเรย์ช่องท้อง

ก่อนที่จะเอ็กซเรย์ช่องท้อง ควรปรึกษาแพทย์ของคุณก่อน ผู้หญิงควรแจ้งแพทย์หากตั้งครรภ์ การตรวจเอ็กซ์เรย์อวัยวะอาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นจึงมักใช้อัลตราซาวนด์ช่องท้องแทน

ก่อนดำเนินการ คุณจะต้องถอดเครื่องประดับและการเจาะออกทั้งหมด เนื่องจากอาจอยู่ในเส้นทางของการเอ็กซเรย์ ควรเอ็กซเรย์ช่องท้องโดยที่กระเพาะปัสสาวะว่างจะดีกว่า

3. การตรวจเอกซเรย์ช่องท้องทำอย่างไร?

การเอ็กซเรย์ช่องท้องจะถูกแปลและแปลโดยแพทย์เฉพาะทาง (นักรังสีวิทยา) แม้ว่าแพทย์คนอื่นๆ ก็สามารถทำเช่นนี้ได้เช่นกัน

ในระหว่างขั้นตอน คุณจะต้องถอดเสื้อผ้าและนอนหงาย บางครั้งมีการวางผ้ากันเปื้อนพิเศษไว้ที่บริเวณอุ้งเชิงกรานซึ่งช่วยป้องกัน รังสีกัมมันตภาพรังสี- อย่างไรก็ตาม อวัยวะสืบพันธุ์ภายในของผู้หญิงไม่สามารถป้องกันได้ด้วยความช่วยเหลือ เนื่องจาก... อยู่ใกล้อวัยวะในช่องท้องมากเกินไป

ขณะที่ทำการเอ็กซเรย์ คุณจะต้องกลั้นลมหายใจและนอนนิ่งๆ ขั้นตอนนี้ไม่เจ็บปวดอย่างยิ่งและจะไม่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบาย

มักมีการเอ็กซเรย์สองครั้ง: ในแนวตั้ง (ยืน) และแนวนอน (นอน) เอ็กซ์เรย์วี ตำแหน่งแนวตั้งช่วยให้คุณเห็นการเจาะทะลุของกระเพาะอาหารหรือลำไส้

การเอ็กซเรย์ช่องท้องอาจทำได้พร้อมกับการเอ็กซเรย์ทรวงอก

การเอ็กซเรย์ช่องท้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว - ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 5 ถึง 10 นาที

4. ความเสี่ยงของการเอกซเรย์ และสิ่งที่ควรรู้?

โปรดจำไว้ว่าการตรวจเอ็กซเรย์มีโอกาสเล็กน้อยที่เนื้อเยื่อหรือเซลล์จะเสียหายจากการฉายรังสี แต่ในกรณีส่วนใหญ่ กระบวนการดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

มีอะไรน่ารู้บ้าง?

ผลการตรวจเอ็กซ์เรย์ช่องท้องที่นำเข้ามา เวลาที่ต่างกันอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และสถานที่ที่คุณใช้ ตามกฎแล้ว การตรวจเอ็กซ์เรย์เป็นเพียงก้าวแรกในการระบุโรคของอวัยวะในช่องท้อง- เพื่อวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ อาจจำเป็นต้องส่องกล้อง CT, MRI, อัลตราซาวนด์ช่องท้อง, การเจาะทะลุหลอดเลือดดำ หรือการทดสอบอื่นๆ อย่าลืมว่า การเอ็กซเรย์ช่องท้องอาจตรวจไม่พบโรคหลายชนิดเช่น แผลในกระเพาะอาหารมีเลือดออก

การส่องกล้องเป็นวิธีการแพทย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด การวินิจฉัยทางรังสีวิทยาระหว่างการวิจัย อวัยวะภายในบุคคล. มีพื้นฐานมาจากการค้นพบรังสีเอกซ์ของนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน วิลเฮล์ม เรินต์เกน ซึ่งต่อมาเรียกว่ารังสีเอกซ์ในปี พ.ศ. 2438 รังสีเหล่านี้สามารถทะลุผ่านเนื้อเยื่อได้ ร่างกายมนุษย์โดยทิ้งภาพวัตถุเรืองแสงไว้ในภาพ เครื่องเอ็กซ์เรย์สมัยใหม่ใช้ไอโซโทปอิสระของคริปทอนเป็นแหล่งรังสี การเอ็กซ์เรย์เป็นเทคนิคที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และราคาไม่แพงในการวินิจฉัยโรคต่างๆ รวมถึงการระบุโรคของอวัยวะในช่องท้อง

ประเภทของการเอ็กซ์เรย์

อวัยวะภายในที่อยู่ในเยื่อบุช่องท้องแบ่งออกเป็นโพรงและเนื้อเยื่อประกอบด้วยเนื้อเยื่อ - เนื้อเยื่อที่เกิดจากเซลล์ที่มีภาระหน้าที่หลัก เนื้อเยื่อไตประกอบด้วยเนื้อเยื่อไต, ตับ - ของเนื้อเยื่อตับ เซลล์เหล่านี้ถูกยึดเข้าด้วยกันและป้องกันโดยสโตรมา ซึ่งเป็นโครงร่างชนิดหนึ่งที่สร้างเปลือกที่เต็มไปด้วยเนื้อเยื่อ สำหรับอวัยวะกลวงและเนื้อเยื่อจะใช้ ประเภทต่างๆเอ็กซ์เรย์ - คอนทราสต์และการสำรวจ แต่ละคนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง:

• การถ่ายภาพรังสีที่ตัดกันใช้เพื่อศึกษาอวัยวะกลวงของเยื่อบุช่องท้อง - หลอดอาหารในส่วนล่างที่สาม, กระเพาะอาหารและลำไส้ วิธีการนี้สามารถตรวจจับการหดตัวหรือการขยายตัวของอวัยวะทางพยาธิวิทยาการหยุดชะงักของการแจ้งเตือนและการทำงานปกติ มีชื่อนี้เนื่องจากใช้สารทึบแสง โดยปกติแล้ว ความแตกต่างจะเป็นของเหลวสีขาวขุ่น ซึ่งเป็นสารแขวนลอยที่เป็นน้ำของแบเรียมซัลเฟต สารนี้มีอยู่ใน ระดับสูงมีความสามารถในการดูดซับ รังสีเอกซ์และข้อบกพร่องทั้งหมดก็ถูกแทนที่อย่างดีโดยเทียบกับพื้นหลัง ไม่ละลายในน้ำ กรด หรือด่าง ไม่ดูดซึมเข้าสู่ทางเดินอาหาร ไม่เข้าสู่กระแสเลือด และหลังจากนั้นระยะหนึ่งจะถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ
• ภาพสำรวจอวัยวะในช่องท้องเพื่อศึกษาเนื้อเยื่อเนื้อเยื่อของตับ ไต ม้าม และตับอ่อน โครงสร้างที่ค่อนข้างหนาแน่นของพวกมันนั้นสามารถดูดซับรังสีเอกซ์ได้เอง ดังนั้นจึงสามารถตรวจสอบอวัยวะเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องใช้คอนทราสต์ เรียกว่าการถ่ายภาพรังสีสำรวจเพราะให้ข้อมูลโดยประมาณเกี่ยวกับสภาพของอวัยวะ ภาพที่การถ่ายภาพรังสีธรรมดาของช่องท้องช่วยให้เราสามารถตัดสินได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เฉพาะเจาะจงในโครงสร้างของอวัยวะที่ควรให้ความสนใจหรือไม่

ข้อได้เปรียบหลักของการถ่ายภาพรังสีสำรวจคือความครอบคลุมที่กว้าง อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุได้ว่าความเบี่ยงเบนที่บันทึกไว้จากบรรทัดฐานคืออะไรเสมอไป ดังนั้นจึงมักเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการวินิจฉัยด้วยเครื่องมือเท่านั้น

บ่งชี้และข้อห้าม

รายชื่อโรคที่แพทย์อาจกำหนดให้ตรวจเอ็กซ์เรย์ช่องท้องนั้นค่อนข้างกว้างขวาง:

• พยาธิสภาพของหลอดอาหาร – กระเพาะและลำไส้อักเสบ;
• พยาธิสภาพของกระเพาะอาหาร - โรคกระเพาะ, แผล, ติ่งเนื้อและเนื้องอกอื่น ๆ ;
• พยาธิวิทยา ลำไส้เล็กส่วนต้น– แผลในกระเพาะอาหาร;
• ลำไส้อุดตัน, แผลอักเสบของผนังลำไส้;
• โรคของไตและอวัยวะในอุ้งเชิงกราน - กระเพาะปัสสาวะ, ท่อไต, ไส้ตรง;
• พยาธิสภาพของตับ, ถุงน้ำดีและทางเดินน้ำดี;
• การบาดเจ็บที่ช่องท้องทื่อ;
• แผลทะลุช่องท้อง
• การปรากฏตัวของสิ่งแปลกปลอมในเยื่อบุช่องท้อง

การเลือกเทคนิคขึ้นอยู่กับประเภทของอวัยวะ (โพรงและเนื้อเยื่อ) พยาธิสภาพที่คาดหวังและปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายประการ ในบางกรณีอาจห้ามการตรวจทุกรูปแบบ ข้อห้ามในการเอ็กซเรย์ ได้แก่:

• ปริมาณรังสีสูงที่ได้รับเมื่อต้นปี
• การตั้งครรภ์สำหรับ ระยะแรก– 12 สัปดาห์แรก
• เลือดออกภายใน
• การเจาะแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
• อาการร้ายแรงของผู้ป่วยคือหมดสติ

การแพ้สารทึบรังสีอาจเป็นข้อห้ามในการฉายรังสีเอกซ์ นอกจากนี้ยังไม่รวมว่าจะดำเนินการใน อายุยังน้อย – เด็กเล็กไม่สามารถเตรียมตัวสอบประเภทนี้ได้เต็มที่ ในระหว่างตั้งครรภ์จะดำเนินการหากความเสี่ยงต่อพยาธิสภาพของมารดาสูงเพียงพอต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างเร่งด่วนและเกินอันตรายอย่างมากที่ปริมาณรังสีจากการเอ็กซเรย์ช่องท้องอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากอาการของผู้ป่วยต้องการ จะมีการเอ็กซเรย์เมื่อมีความเสี่ยงที่จะรับรังสีเกินปริมาณ

หากไม่สามารถยอมรับรังสีเอกซ์ได้ก็จะใช้เพื่อชี้แจงการวินิจฉัยโรคของอวัยวะในช่องท้อง การตรวจอัลตราซาวนด์, การคำนวณและ/หรือการถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก

การเตรียมการสำหรับขั้นตอน

ในการเตรียมตัวเอ็กซเรย์ช่องท้องเป็นประจำ ผู้ป่วยจำเป็นต้องล้างกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ออก ควรทำการตรวจในขณะท้องว่างจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมการอื่นก่อนขั้นตอน

การเตรียมตัวสำหรับการเอ็กซเรย์ช่องท้องโดยใช้สารทึบแสงนั้นยากกว่า

1. ก่อนทำหัตถการ 24 ชั่วโมง จะต้องงดอาหารที่กระตุ้น การก่อตัวของก๊าซเพิ่มขึ้น: ผัก ผลไม้ พืชตระกูลถั่ว นม ขนมปังไรย์
2. เมื่อเหลือเวลา 12 ชั่วโมงก่อนการเอ็กซเรย์ จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะของเหลวเท่านั้น โดยไม่รวมอาหารแข็งและหนาโดยสิ้นเชิง
3. จำเป็นต้องทำความสะอาดลำไส้อย่างสมบูรณ์ ในการทำเช่นนี้ คุณควรรับประทานยา Fortrans เมื่อคืนก่อน ผงปริมาณหนึ่งละลายในน้ำเย็นหนึ่งลิตรน้ำต้มหรือน้ำแร่ที่ไม่มีแก๊ส ใช้ในอัตราสารละลาย 1 ลิตรต่อน้ำหนัก 20 กิโลกรัม เช่น ถ้าคนหนัก 60 กิโลกรัม เขาควรดื่ม 3 ลิตร ควรใช้บรรทัดฐานภายใน 3-4 ชั่วโมงโดยดื่ม 250 กรัมทุกๆ 15 นาที ก่อนทำหัตถการ 2-3 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะต้องได้รับสวนทวาร

ในวันตรวจฟลูออโรสโคป ไม่ควรรับประทาน ดื่ม หรือรับประทานสิ่งใดๆ ยา- ระบบทางเดินอาหารจะต้องสะอาดอย่างแน่นอนก่อนที่จะทำการเอ็กซ์เรย์ด้วยความคมชัด - เฉพาะในกรณีนี้การวินิจฉัยจะแม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดำเนินการตามขั้นตอน

การถ่ายภาพรังสีคอนทราสต์แบบดิจิตอล

การตรวจเอ็กซ์เรย์โดยใช้คอนทราสต์เกิดขึ้นในหลายขั้นตอนและใช้เวลานานพอสมควร ขั้นแรกให้ผู้ป่วยวางบนโต๊ะหน้าเครื่อง จากนั้นเขาต้องใช้สารแขวนลอยแบเรียมประมาณ 600 มล. หากคุณต้องการเอ็กซเรย์กระเพาะอาหารหรือ ลำไส้เล็กแบเรียมควรดื่มในจิบเล็ก ๆ เมื่อตรวจลำไส้ใหญ่ให้ใช้ยาสวนทวาร เพื่อการกระจายตัวของของเหลวที่ตัดกันในช่องภายในได้ดีขึ้น จะต้องนวดหน้าท้องเบาๆ

วิธีจัดท่าผู้ป่วยบนโต๊ะ เช่น การนั่ง นอนตะแคง หรือยืน ขึ้นอยู่กับการฉายภาพที่ควรจะทำการยิง ใน ตำแหน่งแนวนอนใช้วิธีการถ่ายภาพภายหลัง โดยที่ลำแสงเอ็กซ์เรย์จะพุ่งไปในแนวนอนด้วย รูปภาพจะถูกถ่ายแยกกันในแต่ละตำแหน่งในช่วงเวลา 5 ถึง 30 นาที ในระหว่างการถ่ายภาพและระหว่างการหยุดชั่วคราว ผู้ป่วยควรอยู่นิ่งๆ

ถอดรหัสผลลัพธ์ การตรวจเอ็กซ์เรย์ควรดำเนินการภายในไม่กี่วันหลังจากดำเนินการ ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ข้อมูลจาก คำอธิบายโดยละเอียดแนบไปกับประวัติการรักษาของผู้ป่วยหรือมอบให้เขา

หากทำการเอ็กซเรย์ตามคำแนะนำของแพทย์ในสถาบันการแพทย์ของรัฐ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะจ่ายจากกองทุนบังคับ ประกันสุขภาพและขั้นตอนนี้ฟรีสำหรับคนไข้ กรณีได้รับเงินแล้ว บริการทางการแพทย์ราคาของการเอ็กซเรย์ช่องท้องขึ้นอยู่กับหลายตัวชี้วัด ได้แก่ ภูมิภาคที่ทำการตรวจ สถานะของคลินิก ระดับคุณสมบัติของพนักงานที่ทำการตรวจ และระดับของอุปกรณ์ ประเภทและขอบเขตของการตรวจสอบรวมถึงเวลาที่ดำเนินการนั้นมีความสำคัญ: ในเวลากลางคืนภาระในอุปกรณ์น้อยลงรูปภาพจะถูกกว่า

การเอ็กซ์เรย์ของอวัยวะในช่องท้อง - การถ่ายภาพรังสี - เป็นวิธีการวินิจฉัยแบบดั้งเดิมของการแพทย์ทางคลินิกโดยอาศัยการฉายรังสีเฉพาะที่โดยใช้รังสีเอกซ์ในปริมาณที่น้อยที่สุดซึ่งส่งผลให้ได้ภาพฉายของโครงสร้างภายในของร่างกาย

ประเภทรังสีเอกซ์ที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ การเอ็กซเรย์ช่องท้องและการเอ็กซเรย์คอนทราสต์

ควรสังเกตว่าเนื้อเยื่อของอวัยวะภายในและ เนื้อเยื่ออ่อนไม่สามารถสะท้อนรังสีเอกซ์ได้ ดังนั้นจึงไม่มี “ภาพ” ที่สมบูรณ์ของอวัยวะต่างๆ ในภาพ อย่างไรก็ตาม การเอ็กซเรย์ช่องท้องธรรมดาอาจแสดงความเสียหายของอวัยวะบางส่วน มีอยู่ในไตน้ำดีและ กระเพาะปัสสาวะ วัตถุแปลกปลอม, การก่อตัวทางพยาธิวิทยา (เนื้องอก, ซีสต์, ห้อ) และคอนกรีต (นิ่ว); การปรากฏตัวของก๊าซและของเหลว (รวมถึงเลือด) ในลำไส้และช่องท้องและการแปลรวมถึงการสะสมทางพยาธิวิทยาของของเสียจากการเผาผลาญในลำไส้ใหญ่

การสำรวจด้วยรังสีเอกซ์ในช่องท้องได้พิสูจน์ประสิทธิภาพในการวินิจฉัยมานานแล้วและจำเป็นในกรณีที่สงสัยว่าลำไส้อุดตันการละเมิดความสมบูรณ์ของผนัง (การเจาะ) หรือการทะลุของอวัยวะในช่องท้องอื่น ๆ

การถ่ายภาพรังสีคอนทราสต์ดำเนินการโดยใช้สารคอนทราสต์ ซึ่งจะอุดฟันผุที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยการเอ็กซเรย์ธรรมดาทั่วไป

แบเรียมซัลเฟต (แบเรียมซัลเฟตในรูปแบบผง) ที่ใช้เป็นสารคอนทราสต์รังสีเอกซ์ แทบไม่ละลายในน้ำ อัลคาไล และกรดพื้นฐาน รวมถึงกรดไฮโดรคลอริก แต่จะดูดซับรังสีเอกซ์ ก่อนการถ่ายภาพรังสีด้วยคอนทราสต์ จะต้องถ่ายสารแขวนลอยแบเรียมทางปาก (หรือฉีดผ่านหัววัด): ผง 80 กรัมต่อน้ำ 100 มิลลิลิตร ยาไม่ถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารและไม่เข้าสู่กระแสเลือด (หากไม่มีการละเมิดความสมบูรณ์ของผนังลำไส้) ถูกขับออกจากร่างกายพร้อมกับอุจจาระ หากทำการเอ็กซเรย์ช่องท้องด้วยแบเรียมเพื่อตรวจลำไส้ใหญ่ให้ระงับ (ต่อลิตร 0.5% สารละลายที่เป็นน้ำแทนนิน 750 กรัมของผงแบเรียมซัลเฟต) นำเข้าไปในทวารหนักโดยใช้สวนทวาร

การเอ็กซ์เรย์ช่องท้องด้วยแบเรียมให้ภาพที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับโรคของเยื่อเมือกในทางเดินอาหาร (แผล), การเจาะของอวัยวะกลวง, การตีบตันของลูเมนในลำไส้และเนื้องอก

แทนที่จะใช้แบเรียมซัลเฟต สามารถใช้อากาศหรือไนตรัสออกไซด์ในการถ่ายภาพรังสีเปรียบเทียบได้ และเมื่อตรวจดูกระเพาะปัสสาวะ สามารถใช้ยาที่มีโซเดียมอะมิโดไตรโซเอต (Triombrast, Verografin, Visotrast) ได้

นอกเหนือจากการถ่ายภาพรังสีแบบคลาสสิกแล้ว ยังดำเนินการฟลูออโรสโคปหากจำเป็น นี่คือเวลาที่เมื่อใช้อุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม คุณไม่เพียงสามารถจับภาพอวัยวะภายในบนแผ่นฟิล์มเท่านั้น แต่ยังสังเกตอวัยวะเหล่านั้นในสภาวะไดนามิกในช่วงเวลาที่กำหนดได้อีกด้วย การเอ็กซ์เรย์ของอวัยวะในช่องท้องทำให้แพทย์มีโอกาสเห็นภาพกระบวนการที่เกิดขึ้นในอวัยวะต่างๆ (การหดตัว การยืด การกระจัด ฯลฯ )

ช่องท้องคือทุกสิ่งที่อยู่ในพื้นที่จำกัดโดย:

• จากด้านล่าง – บริเวณอุ้งเชิงกราน;
• จากด้านบน - กระดูกอก;
• จากด้านข้าง - กล้ามเนื้อหน้าท้อง;
• ด้านหลัง - กล้ามเนื้อกระดูกสันหลังและหลัง

เอ็กซ์เรย์บริเวณช่องท้อง– เป็นการศึกษาเพื่อวินิจฉัยโรคระบบทางเดินอาหาร การขับถ่าย (ตับ เยื่อเมือก ทางเดินปัสสาวะ) ระบบสืบพันธุ์- มีการกำหนดให้มีการเอ็กซเรย์ช่องท้อง (ชื่อที่สองสำหรับการตรวจกราฟิคของโพรง) เพื่อป้องกัน (ทุกๆ สองปีหรือปีละครั้งสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง) และการตรวจหาสภาวะเฉียบพลันอย่างเร่งด่วน

ใบสั่งยาและข้อห้าม

ข้อบ่งชี้ที่แน่นอนสำหรับการเอ็กซเรย์ช่องท้องทันทีคือ:

• ปวดท้องเฉียบพลัน
• การบาดเจ็บที่อาจนำไปสู่การตกเลือดภายใน
• การกำเริบของโรคที่มีการแปลในช่องท้อง (แผล, เนื้องอกวิทยา, ถุงน้ำดีอักเสบ, ไส้ติ่งอักเสบ, ขาดเลือดขาดเลือด, นิ่วในไต);
• อุจจาระเปื้อนเลือด
• เพิ่มการแลกเปลี่ยนก๊าซโดยไม่ทราบสาเหตุ
• ความอยากอาหารรบกวน น้ำหนักลด/เพิ่มขึ้น (รุนแรง ไม่มีคำอธิบาย)
• คลื่นไส้หรืออาเจียนถาวร

ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 12-14 ปี คุณแม่ยังสาว/สตรีมีครรภ์ (ช่วง 3-5 เดือนแรกหลังคลอดด้วย ให้นมบุตร- จนกระทั่งสิ้นสุดการให้นมบุตร) ข้อยกเว้นเป็นมาตรฐาน: มีการกำหนดขั้นตอนการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือในช่องท้องในกรณีที่มีอันตรายถึงชีวิตและในกรณีที่ประโยชน์ของข้อมูลที่ได้รับอาจมีมากกว่าความเสี่ยงจากการได้รับรังสี

ศึกษาแบบมีและไม่มีการเปรียบเทียบ

บ่อยครั้งที่การถ่ายภาพรังสีจะตรวจลำไส้ กระเพาะอาหารและเยื่อเมือก และไต ประเภทของการเอ็กซเรย์จะมีลักษณะดังนี้ขึ้นอยู่กับอวัยวะในช่องท้องที่กำลังศึกษา:

• ตรงกันข้าม (เพื่อศึกษาสภาพและความผิดปกติในอวัยวะท่อ)
• การเอ็กซเรย์ช่องท้องแบบธรรมดาจะดำเนินการเพื่อการวินิจฉัยอย่างเร่งด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์

ในทางตรงกันข้ามกับการเอ็กซเรย์ช่องท้อง โดยทั่วไปจะใช้สารละลายที่มีแบเรียมเป็นส่วนประกอบหลัก แนะนำให้เตรียมตัวศึกษาล่วงหน้า 2-6 วัน ( การวิเคราะห์ตามแผน- ในการเตรียมตัวสำหรับการเอ็กซเรย์ความคมชัด คุณต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่สามารถเพิ่มการเผาผลาญ ทำให้เกิดอาการท้องผูก/ท้องร่วง และเพิ่มการแลกเปลี่ยนก๊าซ รายการ "ต้องห้าม" ประกอบด้วยทุกอย่างที่เผ็ด ของทอด และเค็ม

เปรียบเทียบภาพเอ็กซ์เรย์ของช่องท้องสามารถดำเนินการได้ในแบบไดนามิก (มองเห็นภาพในขณะที่โซลูชันเคลื่อนที่ผ่านช่องสัญญาณ) โดยปกติขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการเอ็กซเรย์

จำเป็นต้องเอ็กซเรย์ช่องท้องเมื่อใด?

การเอ็กซ์เรย์ธรรมดาของช่องท้องดำเนินการภายใน 35-45 นาที และไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวเป็นพิเศษ คนไข้ต้องประกอบร่างกายโดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้า ตำแหน่งที่สะดวกสบายสำหรับรูปถ่าย

ประโยชน์ของการสำรวจเอ็กซ์เรย์บริเวณช่องท้อง: ช่วยให้คุณวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว (เปิดตัวโปรแกรมการรักษา) เช่น โรคที่เป็นอันตรายเช่นตับอ่อนอักเสบ, volvulus ในลำไส้, การอุดตัน, นิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือไต, แผลเลือดออก (กระเพาะอาหาร/ลำไส้), ไส้ติ่งอักเสบ

การเอ็กซ์เรย์แบบสำรวจช่วยให้คุณระบุการปรากฏตัวของการอักเสบ, จุดโฟกัสเป็นหนอง, เนื้องอก, ฝี, ก๊าซหรือของเหลวในช่องท้อง ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ/มีบาดแผล การเอ็กซเรย์ธรรมดาจะช่วยวินิจฉัยเลือดออกและกำหนดให้ต้องผ่าตัดช่องท้องอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิต

การเอ็กซเรย์ตัดกันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการศึกษาอวัยวะกลวง ช่วยยืนยัน/หักล้างการมีอยู่ของเนื้องอก อาการบวมน้ำ รอยโรคจากแบคทีเรียของเยื่อเมือก ฯลฯ

ทำการเอ็กซ์เรย์ช่องท้องเพื่อวินิจฉัยโรคต่างๆ การศึกษานี้ช่วยในการระบุนิ่วในไต ทางเดินปัสสาวะหรือถุงน้ำดี ยืนยันภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ลำไส้อุดตัน และการก่อตัวของฝี สำหรับการวินิจฉัยลำไส้และ โรคไตมักจำเป็นต้องฉีดคอนทราสต์

การสอบประจำกำหนดให้มี การฝึกอบรมพิเศษการถ่ายภาพรังสีฉุกเฉินจะดำเนินการเฉพาะเมื่อมีการระบุไว้เท่านั้น

เตรียมตัวอย่างไรในการทำวิจัย

ลำไส้เป็นอวัยวะที่ครอบครองเกือบ 80% ของภาพของช่องท้อง ในกรณีที่มีอาการท้องอืดการศึกษาไม่ได้ให้ข้อมูลมากนักเนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของก๊าซในโพรงของท่อลำไส้รบกวนการมองเห็น การเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาไต, กระเพาะปัสสาวะ

สำหรับการถ่ายภาพรังสีเป็นประจำ จำเป็นต้องมีการเตรียมอาหาร การบำบัดด้วยอาหารกำหนดไว้ 2-3 วันก่อนการศึกษาที่เสนอ ห้ามผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดก๊าซเพิ่มขึ้น: พืชตระกูลถั่ว, กะหล่ำปลี, ขนมปังสีน้ำตาล, ผลิตภัณฑ์นม, แอลกอฮอล์

หากจำเป็นต้องมีการศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับอวัยวะย่อยอาหาร การเตรียมตัวจึงมีความสำคัญมากกว่า นัดสุดท้ายอาหารก่อนการตรวจ - 15-16 ชั่วโมง ผู้ป่วยยังต้องล้างลำไส้ด้วย ทำได้โดยใช้ยาระบาย ยาหรือโดยการทำสวนในวันวินิจฉัย

ระเบียบวิธีของขั้นตอน

การถ่ายภาพรังสีทำอย่างไร? ขั้นตอนนี้ดำเนินการในห้องวินิจฉัยที่กำหนดเป็นพิเศษ - ห้องเอ็กซ์เรย์ซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องเอ็กซ์เรย์ การตรวจจะเกิดขึ้นในท่ายืน การเอ็กซเรย์จะทำในท่านอนเฉพาะในกรณีที่อาการของผู้ป่วยร้ายแรงและไม่สามารถลุกขึ้นได้

ผู้ป่วยจะเอาวัตถุที่เป็นโลหะออก เช่น จี้ โซ่ เข็มขัด นาฬิกา ไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวินิจฉัยเหตุฉุกเฉินเนื่องจากช่วยประหยัดเวลา ช่างเทคนิคในห้องปฏิบัติการหรือนักรังสีวิทยาจะปรับหน้าจอตามความสูงของคนไข้ จากนั้นผู้ป่วยจะต้องยืนหรือนอนนิ่งไม่เกินสองนาที ในระหว่างนี้รังสีเอกซ์จะผ่านโครงสร้างทางกายวิภาคของช่องท้องและสะท้อนบนฟิล์มรังสีเอกซ์

สำหรับการศึกษาเปรียบเทียบแบเรียมในช่องปาก จำเป็นต้องมีลำดับเหตุการณ์ที่แม่นยำของเวลาที่ให้สารทึบรังสี การวินิจฉัยจะดำเนินการในช่วงเวลาหนึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ต้องตรวจ

บ่งชี้ในการศึกษา

บ่งชี้ในการเอ็กซ์เรย์ของอวัยวะในช่องท้อง:

• การบาดเจ็บที่ช่องท้องทื่อ;
• แผลทะลุช่องท้อง;
• ความสงสัยในการก่อตัวของฝีในช่องท้อง;
• การเจาะ อวัยวะกลวง;
• เลือดออกในช่องท้อง
• ลำไส้อุดตัน;
• นิ่วในไต, นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ;
• กรวยไตอักเสบ;
• โรคนิ่ว;
• สิ่งแปลกปลอมในช่องของลำไส้;
• การก่อตัวเชิงปริมาตรในช่องท้อง
• ข้อบกพร่องในเยื่อเมือกภายในของกระเพาะอาหารและลำไส้ (การศึกษาเปรียบเทียบเผยให้เห็นแผลพุพองการกัดเซาะติ่งเนื้อและอื่น ๆ )

ขั้นตอนนี้มีข้อห้ามเมื่อใด?

เนื่องจากรังสีเอกซ์กำลังแตกตัวเป็นไอออนและอาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในการแบ่งเซลล์ การตรวจดังกล่าวจึงมีข้อห้ามในสตรีมีครรภ์ นี่เป็นเพราะผลทางพยาธิวิทยาต่อทารกในครรภ์

สำหรับเด็ก จะดำเนินการตามข้อบ่งชี้ที่เข้มงวดและด้วยความระมัดระวังเท่านั้น มักไม่แนะนำให้ทำการวินิจฉัย มารดาที่ให้นมบุตรควรหยุดชั่วคราวหลังการตรวจเอ็กซ์เรย์ช่องท้อง การให้อาหารตามธรรมชาติ- เด็กถูกถ่ายโอนไปยังสูตรผสมและแม่แสดงออก 2-3 ครั้ง จากนั้นคุณสามารถกลับมาให้อาหารต่อได้

ประเภทของการวินิจฉัย

มีอุปกรณ์หลายประเภท เพื่อให้ได้ภาพทั่วไปของอวัยวะในช่องท้อง จะใช้การถ่ายภาพรังสี สำหรับการศึกษาเชิงเปรียบเทียบ ควรใช้การส่องกล้อง

การถ่ายภาพรังสี

การศึกษาแบบคงที่ที่ถ่ายภาพเพียงภาพเดียว การวินิจฉัยจะจับช่วงเวลาสั้นๆ ที่รังสีผ่านเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วย

การตรวจมีการบุกรุกน้อยที่สุด เมื่อคำนึงถึงการวินิจฉัยที่ดำเนินการโดยใช้อุปกรณ์ดิจิทัลที่ทันสมัย ​​ทำให้สามารถลดปริมาณรังสีลงได้อย่างมาก ทราบผลภายใน 5 นาที จึงใช้วิธีถ่ายภาพรังสีเป็นวิธีด่วน

เอ็กซ์เรย์

เอ็กซ์เรย์

การวินิจฉัยที่ช่วยประเมิน โครงสร้างทางกายวิภาคอวัยวะในช่องท้องและการทำงาน สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการที่รังสีเอกซ์ผ่านร่างกายของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องตลอดการตรวจ ผลที่ได้จะสะท้อนบนหน้าจอฟลูออโรสโคปแบบเรียลไทม์

มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบเรียมคอนทราสต์ เนื่องจากช่วยติดตามคลื่นเพอริสแตลติกและประเมินการเคลื่อนที่ ระบบทางเดินอาหาร- หากจำเป็น จะมีการบันทึกประเด็นที่จำเป็นเพื่อการวิจัยเชิงลึกเพิ่มเติม ขั้นตอนการผ่าตัดบางอย่างดำเนินการภายใต้การควบคุมด้วยกล้องจุลทรรศน์ การแทรกแซงการผ่าตัด.

ข้อเสียของการวินิจฉัยคือปริมาณรังสีที่เพิ่มขึ้น

คอนทราสต์เอ็กซ์เรย์

เพื่อชี้แจงการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพในผนังลำไส้ให้ทำการตรวจเอ็กซ์เรย์โดยใช้แบเรียม สารละลายจะเมาก่อนการวินิจฉัยจากนั้นโดยใช้เครื่องฟลูออโรสโคปหรือเครื่องเอ็กซ์เรย์ทั่วไปจะทำการตรวจร่างกายเมื่อเวลาผ่านไป

แบเรียมชะลอการแผ่รังสีและถูกมองว่ามืดลงในภาพ เมื่อผ่านท่อทางเดินอาหารจะห่อหุ้มผนังเพื่อให้คุณเห็นข้อบกพร่องในการเติม: เนื้อเยื่อ "บวก" (พยาธิวิทยาทางเนื้องอก, ติ่งเนื้อ) หรือ "ลบ" (การกัดเซาะ, แผลพุพอง) การศึกษาตรงกันข้ามจะเปิดเผยความผิดปกติในการพัฒนาลำไส้: ลูปเพิ่มเติม (dolichosigma, dolichocolon), megacolon, โรคของ Hirschsprung

คุณเห็นอะไรในภาพถ่าย?

ภาพเอ็กซ์เรย์ของอวัยวะในช่องท้องต่อไปนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน:

ราคา

การศึกษาไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT, MRI) ราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอวัยวะที่กำลังตรวจและความต้องการสารทึบแสง

สำรวจต้นทุนการถ่ายภาพรังสีโดยเฉลี่ยประมาณ 350 รูเบิล การศึกษาเปรียบเทียบจะมีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 1,000 รูเบิล

เอ็กซ์เรย์ - ค่อนข้างถูก วิธีการวินิจฉัยซึ่งช่วยในการวินิจฉัยด่วนและชี้แจงลักษณะของการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาในระหว่างการตรวจตามปกติ ต้องขอบคุณอุปกรณ์ดิจิทัลที่ทันสมัย ​​ทำให้สามารถลดการสัมผัสรังสีให้เหลือน้อยที่สุดได้

วีดีโอ