ทำไมพวกเขาถึงตกแต่งด้วยกระต่ายในเทศกาลอีสเตอร์? กระต่ายอีสเตอร์? นี่คือใคร? เรื่องราว. ทำไมกระต่ายอีสเตอร์ถึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์? สูตรแป้งกระต่ายอีสเตอร์ ทำไมกระต่ายถึงเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์?

เมื่อตอนที่ฉันยังเด็กเราเฉลิมฉลองทุกสิ่งทุกอย่าง วันหยุดของคริสตจักรทั้งคาทอลิกและออร์โธดอกซ์ เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณชายแดนและนี่เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ แม้ว่าครอบครัวนี้จะไม่มีชาวคาทอลิกก็ตาม เรามี. จากนั้นเราก็ย้าย ลูกสาวของเราเกิด เธอโตขึ้นและเริ่มถามคำถาม พูดตามตรงฉันยังคงหลงทาง ระหว่างการเดินทางไปยุโรปครั้งล่าสุด มีการเตรียมตัวสำหรับเทศกาลอีสเตอร์และใบหน้าช็อคโกแลตแสนน่ารักกำลังมองมาที่เราจากทุกหน้าต่างร้านค้า และเรายังได้รับไข่ช็อกโกแลตเป็นของขวัญ ซึ่งกระต่ายอีสเตอร์นำมาให้ด้วย ฉันต้องหาคำตอบสำหรับคำถามบนอินเทอร์เน็ต))

แน่นอนว่าวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ ใจดีที่สุด และสดใสที่สุดคือเทศกาลอีสเตอร์ หลายๆ คนเชื่อมโยงสิ่งนี้กับเค้กอีสเตอร์ ไข่หลากสีสัน และแม้กระทั่งกระต่าย น่าประหลาดใจ?

เรามาดูกันว่าวันหยุดนี้เกี่ยวข้องกับอะไร กระต่ายแล้วทำไมเขาถึงวางไข่ (ใช่ นี่คือสิ่งที่กระต่ายอีสเตอร์ทำในช่วงวันหยุด)?

กระต่ายอีสเตอร์ (กระต่าย)เป็น สัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ในโลกตะวันตกเช่นเดียวกับในรัสเซียและยูเครน - เค้กอีสเตอร์และไข่สี

เด็กในยุโรปและอเมริกาเชื่อในเทพนิยายว่า กระต่ายอีสเตอร์ซ่อนไข่ช็อคโกแลตหลากสีสันไว้ในรังกระต่ายของเธอ ในเช้าวันอีสเตอร์ เด็กๆ ต้องหารังนี้เพื่อเอาขนมหวาน อย่างไรก็ตาม กระต่ายจะนำของขวัญมาให้เฉพาะกับเด็กที่ดีและมีมารยาทดีเท่านั้น ซึ่งพ่อแม่จะเล่าให้ฟังตลอดทั้งปี

กระต่ายกลายเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ได้อย่างไร

เรื่องราว กระต่ายอีสเตอร์มีอายุย้อนไปถึงก่อนคริสตชนเยอรมนี เมื่อผู้คนบูชาเทพเจ้านอกรีต

ในขณะนั้นเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์ Ostara ก็ได้รับความเคารพเช่นกัน การเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิคือวันวสันตวิษุวัตเป็นวันหยุด และสัญลักษณ์ของวันหยุดนี้คือกระต่ายซึ่งเป็นสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์

แต่ทำไมบทบาทของสัตว์ที่ซ่อนไข่ถึงตกเป็นของกระต่าย? ในที่สุดไก่ก็ออกไข่! ปรากฎว่าไก่ "ธรรมดา" ไม่สามารถวางไข่ที่สวยงามและสดใสเช่นนี้ได้ ชาวเยอรมันจำเป็นต้องสร้างตัวละครในเทพนิยายขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง มีตัวละครดังกล่าวอยู่หลายตัว แต่เป็นกระต่าย/กระต่ายที่หยั่งรากลึกในบทบาทของสัตว์วิเศษที่วางไข่วิเศษ

มีอีกหลายตำนาน การปรากฏตัวของกระต่ายอีสเตอร์.

หนึ่งในนั้นกล่าวว่าในช่วงน้ำท่วมใหญ่ เมื่อหีบพันธสัญญาลอยอยู่บนคลื่น ก็ข้ามไปบนยอดเขา และมีช่องว่างเกิดขึ้นที่ด้านล่าง และหีบคงจมลงไปในน้ำลึกถ้าไม่ใช่เพราะกระต่ายที่อุดรูด้วยหางของมัน และที่นี่ในความทรงจำของ กระต่ายผู้กล้าหาญเทพนิยายถือกำเนิดขึ้น

อีกตำนานหนึ่งเล่าว่าการวางไข่ทำให้กระต่าย/กระต่ายดูเหมือนจะชดใช้ความผิดที่พวกมันมีต่อผู้คนจากการบุกโจมตีสวนและแปลงผักในฤดูใบไม้ผลิ

แต่ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนคิดธรรมเนียมในการซ่อนไข่หลากสีสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์บางคนอ้างว่าเป็นเกอเธ่เองที่สร้างความบันเทิงให้กับแขกของเขา ผู้ใหญ่และเด็กมองหาไข่ในสวนใต้พุ่มไม้ และเมื่อมีการค้นพบสิ่งหนึ่งภายใต้พุ่มไม้อื่น ก็ไม่มีใครสงสัยเลยว่าไข่นั้นไม่ได้วางโดยไก่ แต่วางโดยกระต่าย

พวกเขายังบอกด้วยว่าใครก็ตามที่สามารถหาไข่ที่กระต่ายอีสเตอร์วางไว้ได้จะมีความสุขตลอดทั้งปี

ความนิยมของ Magic Bunny

มีความเชื่อกันว่า กระต่ายอีสเตอร์มีพื้นเพมาจากประเทศเยอรมนีเนื่องจากมีการกล่าวถึงพระองค์เป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรก ร่วมกับผู้อพยพ ตำนานกระต่ายอีสเตอร์เข้าไปแล้ว ทวีปอเมริกาเหนือและที่นั่นก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์แบบเดียวกับในเยอรมนี

ในมิวนิก พิพิธภัณฑ์ได้เปิดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่กระต่าย ซึ่งรวมอยู่ใน Guinness Book of Records พิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงที่แตกต่างกันมากกว่า 1,000 รายการ เช่น ตุ๊กตากระต่ายที่ทำจากไม้ เครื่องลายคราม น้ำตาล ไปรษณียบัตร แม่พิมพ์สำหรับทำกระต่ายหวาน และอื่นๆ อีกมากมาย

การจัดแสดงทั้งหมดสอดคล้องกับเวลาของพวกเขา มีกระต่ายของเล่นจากต้นศตวรรษที่ 19 และกระต่ายจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสวมชุดเครื่องแบบทหาร

น่าเสียดายที่ในปี 2005 5 ปีหลังจากการเสียชีวิตของ Manfred Cloud ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์ได้ปิดตัวลงและขายของสะสมบางส่วนไป

การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์และกระต่ายอีสเตอร์

ในหลายประเทศ การเฉลิมฉลองอีสเตอร์พร้อมด้วยขบวนพาเหรด ผู้คนแต่งตัวเป็นกระต่าย ร้านค้าขายโปสการ์ด กระต่ายช็อกโกแลต และตุ๊กตาผ้า

ในรัสเซีย กระต่ายไม่ใช่สัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ ในประเทศของเรา ไก่ยังคงนั่งอยู่ข้างไข่สี เพื่อเป็นต้นแบบของแม่ที่ปกป้องลูกไก่ของเธอ เธอเป็นสัญลักษณ์ของครอบครัวและความรัก

เทศกาลอีสเตอร์ของเรามีประเพณีเป็นของตัวเอง: เค้กอีสเตอร์ ไข่หลากสี กระดิ่งกริ่ง และขนมปังก้อนเล็กที่มีรูปร่างเป็นนก - สนุกสนาน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวันหยุดนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลใด สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง: อีสเตอร์เป็นวันหยุดที่สดใสที่สุดที่นำความสุข ความอบอุ่น และความเมตตามาสู่หัวใจของเราแต่ละคน

ในเดือนเมษายน 2018 จะมีการเฉลิมฉลองอีสเตอร์ของชาวคริสต์และคาทอลิก ใน ประเทศต่างๆมีประเพณีและสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันมากมายที่เกี่ยวข้องกับวันหยุดนี้

ในบรรดาสัญลักษณ์อีสเตอร์ เด็กชาวยุโรปชื่นชอบกระต่ายอีสเตอร์เป็นพิเศษ พวกเขาแน่ใจว่าในวันอีสเตอร์กระต่ายจะซ่อนไข่ช็อคโกแลตสีสันสดใสไว้ในรังของเขา เด็กได้ยินจากผู้ใหญ่ตลอดทั้งปีว่าเด็กดีเท่านั้นที่จะได้รับขนมหวาน

ประเพณีนี้มาจากเยอรมนีโบราณตั้งแต่สมัยนอกรีต ในวันอีสเตอร์ เด็กๆ จะสร้างรังจากหมวกและรอให้กระต่ายใส่ของขวัญที่นั่น ในตอนแรก ในบางพื้นที่ของเยอรมนี สัตว์อื่นๆ นำมาให้เป็นของขวัญ เช่น สุนัขจิ้งจอกหรือนกกาเหว่า แต่ต่อมาในตำนานพื้นบ้านของเยอรมัน กระต่ายก็ถูกนำมาใช้เป็นตัวละครอีสเตอร์

กระต่ายเป็นสัตว์ที่ถือตะเกียงของเทพธิดา Eostre ชาวเยอรมันซึ่งมีชื่อเป็นภาษาเยอรมันและ ภาษาอังกฤษคำว่าอีสเตอร์มาจาก

กระต่ายอีสเตอร์ ที่มาของประเพณี: สัญลักษณ์ของกระต่ายในศาสนาคริสต์

หลังจากเปลี่ยนจากลัทธินอกรีตมาเป็นคริสต์ศาสนามากมาย ประเพณีพื้นบ้านเก็บรักษาไว้ ปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยและยึดถือแนวทางเทพนิยาย

ตำนานหนึ่งเล่าถึงความสามารถอันโดดเด่นของกระต่ายในช่วงน้ำท่วมใหญ่ เขาอุดรูในเรือโนอาห์ด้วยหางและช่วยไม่ให้จมน้ำ

คำอธิบายที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของกระต่ายกับอีสเตอร์ฟังดูเหมือนวาดไว้บนไข่ก่อนหน้านี้ นกสามตัวด้วยหินนัดเดียวซึ่งหูของเขาเป็นรูปสามเหลี่ยม สิ่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของพระตรีเอกภาพแล้วส่งต่อเข้าสู่เทศกาลอีสเตอร์

แนวคิดต่อไปนี้นำมาจากพระคัมภีร์ฉบับแปลเก่าในพระคัมภีร์ไบเบิล คำภาษาฮีบรู "hyraxes" แปลโดยนักบุญเจอโรมเป็นภาษาละตินว่า "กระต่าย" และตั้งแต่นั้นมา กระต่ายก็เริ่มเป็นสัญลักษณ์ของคนอ่อนแอที่แสวงหาความรอดในพระคริสต์ พระคริสต์ปรากฏอยู่ที่นี่ด้วยโขดหิน

นอกจากนี้พระคริสเตียนในยุคกลางมักวาดกระต่ายในต้นฉบับและมีความสัมพันธ์กับมัน การเกิดที่บริสุทธิ์เนื่องจากในงานของพวกเขา Pliny และ Plutarch ถือว่ากระต่ายเป็นกระเทย

กระต่ายอีสเตอร์ ที่มาของประเพณี: การกล่าวถึงกระต่ายครั้งแรกในบันทึก

เกี่ยวกับกระต่าย ไข่อีสเตอร์เขียนครั้งแรกในปี ค.ศ. 1682 โดยศาสตราจารย์เกออร์ก แฟรงก์ ฟอน แฟรงเคเนา เขาบอกในบทความของเขาเรื่อง “De ovis paschalibus” ว่าพ่อแม่ในเยอรมนีซ่อนไข่หลากสีสันไว้ตามหญ้าและพุ่มไม้ แล้วบอกลูกๆ ว่าพวกมันถูกกระต่ายอีสเตอร์วางไว้ เด็กๆ กระตือรือร้นที่จะค้นหาไข่ ซึ่งทำให้ผู้ใหญ่ที่ดูการค้นหานั้นสนุกสนานเป็นอย่างมาก

76 ปีต่อมาในปี พ.ศ. 2301 โยฮัน ฟรีดริช เฟอร์มานน์ นายพรานจากเยอรมนีได้ออกแถลงการณ์ไปทั่วโลกเกี่ยวกับการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง นายพรานบอกว่าหลังจากจับกระต่ายได้แล้วก็ให้อาหารมัน ก่อนเทศกาลอีสเตอร์ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2299 กระต่ายที่ถูกจับได้ออกไข่ขนาดเท่าไก่ นายพรานพร้อมที่จะสาบานต่อความจริงของคำพูดของเขา

ประเพณีอีสเตอร์บันนี่มาจากไหน: ประเพณีอีสเตอร์จากประเทศต่างๆ

ในหลายประเทศทั่วโลก ขบวนแห่เฉลิมฉลองจะจัดขึ้นในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์ เคาน์เตอร์ร้านค้าเรียงรายไปด้วยผู้ขายที่แต่งตัวเป็นกระต่าย ขายโปสการ์ด กระต่ายช็อกโกแลต และตุ๊กตาผ้า

ในประเทศของเรา อีสเตอร์เป็นสัญลักษณ์ของไก่ ไม่ใช่กระต่าย เธอนั่งอย่างภาคภูมิใจใกล้กับไข่หลากสีสัน แสดงถึงความเป็นแม่และความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ในครอบครัว เทศกาลอีสเตอร์ของเราคือเสียงระฆังโบสถ์ ไข่หลากสี และเค้กอีสเตอร์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวัฒนธรรมใดจะเลือกเป็นสัญลักษณ์วันหยุด ก็ควรจำไว้ว่าอีสเตอร์เป็นวันหยุดที่เต็มไปด้วยศรัทธาอันสดใสในชีวิตและนำความรักมาสู่หัวใจของผู้ศรัทธา

ในเช้าวันอาทิตย์อีสเตอร์ เด็กๆ ในเยอรมนีตื่นขึ้นมาและวิ่งไปมองหาไข่หลากสีสัน พวกเขาค้นหาในบ้านและในบ้านและบางคนก็เตรียมตะกร้าพิเศษไว้แล้วในตอนเย็นซึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาจะพบด้วยอย่างแน่นอน ความประหลาดใจที่น่ายินดีหรือขนมหวานมากมาย

กระต่ายอีสเตอร์ผู้ใจดีตัวนี้จะนำไข่หลากสีและของขวัญอื่น ๆ มาด้วย เพราะสัตว์หูยาวตัวนี้เป็นฮีโร่หลักของเทศกาลอีสเตอร์

ในเวลาเดียวกันกับที่นำของตกแต่งคริสต์มาสและขนมหวานออกจากชั้นวางของในร้าน อุปกรณ์อีสเตอร์ก็ปรากฏขึ้น ซึ่งหมายความว่าการรุกรานที่แท้จริงของกระต่ายหลายชนิดเริ่มต้นขึ้น มีทุกที่: ช็อคโกแลต แยมผิวส้ม อบ กระดาษ ไม้ เครื่องลายคราม... ทั่วทั้งเยอรมนีกลายเป็นเหมือนกระต่าย))

ในช่วงก่อนอีสเตอร์ ร้านค้าในเยอรมนียังตกแต่งด้วยลูกแกะ ไก่ ลูกไก่ และกบอีกด้วย แต่แน่นอนว่าคนโปรดยังคงเป็นกระต่าย! เขาอยู่ทุกที่ แม้แต่ในที่ที่คุณไม่คาดคิดว่าจะได้พบเขา...

อีสเตอร์และกระต่าย - ทำไมต้องเป็นสัตว์ชนิดนี้?

กระต่ายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ปรากฏขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ สัตว์หูยาวและว่องไวนี้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกเกี่ยวกับวันหยุดฤดูใบไม้ผลิในปี 1682 แต่ได้รับความนิยมในเวลาต่อมาในศตวรรษที่ 19 และจนถึงเวลานั้น มีคู่แข่งมากมาย: ขึ้นอยู่กับภูมิภาค ไข่ถูกนำโดยนกกระสา นกกาเหว่า สุนัขจิ้งจอก ลา และแม้แต่ระฆังโบสถ์ ก็กระจายไข่ไปทั่วสวนผักและสวนผลไม้ในบริเวณใกล้เคียง

คำตอบที่ถูกต้องและไม่คลุมเครือสำหรับคำถาม” ทำไมกระต่ายถึงเป็นสัตว์อีสเตอร์และนำไข่มาให้“อนิจจาไม่มีใครรู้ แต่มีหลายเวอร์ชัน:

1. กระต่ายและเทพเจ้าเราคุ้นเคยกับการจินตนาการถึงกระต่ายว่าขี้อาย ไม่เด่น ตัวเล็ก และเรียกมันว่ากระต่ายขี้ขลาด และปรากฎว่าเขาเป็นคนโปรดและมาพร้อมกับเทพเจ้าบางองค์ สัตว์หูตัวนี้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพีแห่งความรักแอโฟรไดท์ของกรีก

นอกจากนี้หูยาวยังมาพร้อมกับเจ้าแม่ Ostara แห่งความอุดมสมบูรณ์ของศาสนานอกรีตซึ่งมีหัวเหมือนกระต่าย มาจากชื่อของเทพธิดานี้ที่ชื่อภาษาเยอรมันสำหรับอีสเตอร์มา - Ostern คุณรู้ไหมว่ากระต่ายอีสเตอร์ไม่เพียงแค่นำไข่สีมาเท่านั้น แต่มันยังวางไข่ด้วย? ตามตำนานเล่าว่ากระต่ายเป็นผู้คุ้มกันของเทพธิดา Ostara และไม่ใช่กระต่ายเลย นั่นคือเดิมทีเขาไม่ใช่กระต่าย แต่เป็นนกที่เรียกว่า Lepus ซึ่งแปลจากภาษาละตินแปลว่า "กระต่าย" อีกครั้ง (นั่นคือน้ำมัน) แต่การเป็นนกนั้นอันตราย และเมื่อนักล่าปีศาจปรากฏตัวในป่า ออสทาราก็เปลี่ยนนกให้เป็นสัตว์มีหู เธอมีความสุขกับรูปร่างหน้าตาใหม่ของเธอ แต่วันหนึ่ง ก่อนวันอีสเตอร์ เธอเศร้าเพราะไม่สามารถวางไข่ได้ และอีกครั้งที่เทพธิดาที่ดีช่วยสัตว์โดยให้ความสามารถในการวางไข่ปีละครั้งไม่ใช่ไข่ธรรมดา แต่เป็นไข่ที่มีสี!

2.การเจริญพันธุ์ของกระต่ายในฤดูใบไม้ผลิ กระต่ายจะเริ่มผสมพันธุ์ และในสมัยโบราณ ผู้คนได้รับคำแนะนำจากสัญลักษณ์แห่งธรรมชาตินี้ หากคุณเห็นกระต่ายฝูงใหญ่ แสดงว่าฤดูหนาวสิ้นสุดลงแล้ว กระต่ายจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ ในสมัยโบราณเชื่อกันว่าเนื้อกระต่ายช่วยให้ผู้หญิงฟื้นตัวจากภาวะมีบุตรยาก และ "ตำรา" บางอย่างถึงกับอ้างว่าเนื้อกระต่ายช่วยให้ผู้หญิงตั้งท้องเด็กผู้ชายได้ และในบริเวณที่ผู้หญิงควรจะคลอดบุตร สัตว์มีหูตัวนี้ถูกอุ้มสามครั้ง ซึ่งคาดว่ามีส่วนช่วยให้คลอดง่าย

3. กระต่ายเป็นสัตว์บนดวงจันทร์เทศกาลอีสเตอร์มีการเฉลิมฉลองในวันอาทิตย์แรกของพระจันทร์เต็มดวงในฤดูใบไม้ผลิ และปรากฎว่ากระต่ายเป็นสัตว์บนดวงจันทร์ คุณเคยดูพระจันทร์เต็มดวงบ้างไหม? คุณเคยเห็นจุดบนนั้นที่ก่อตัวเป็นลวดลายหรือไม่? เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก พ่อบอกฉันว่าสาวน้อยจอมซนคนนี้มาอยู่ที่นั่น และฉันเห็นเธอจริงๆ - เด็กผู้หญิงแบกแอก และคนอื่นๆ อีกหลายคน โดยเฉพาะเด็กชาวยุโรป จะได้เห็นกระต่ายถือตะกร้า มันคือกระต่ายที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์: เขาลงมาในวันอาทิตย์อีสเตอร์และนำของขวัญมาให้

4. กระต่าย - แขกที่ไม่ได้รับเชิญสวนผักในฤดูใบไม้ผลิ กระต่ายมักจะมาที่หมู่บ้านต่างๆ และพวกเขาอธิบายให้เด็ก ๆ ฟัง: เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสายตามนุษย์จากตัวมันเอง สัตว์จึงกระจัดกระจายลูกอัณฑะที่สดใสของมัน ตามเวอร์ชันอื่น ไข่ที่มีสีสันมากเหล่านี้เปรียบเสมือน "ค่าตอบแทน" หูใหญ่สำหรับสวนที่ถูกปล้น

5. กระต่ายเป็นลูกแกะที่อบอย่างไม่เหมาะสมแน่นอนว่านี่เป็นเวอร์ชั่นที่แปลกแต่มันเป็นเรื่องจริง ทุกคนรู้ดีว่าสัญลักษณ์อีกประการหนึ่งของเทศกาลอีสเตอร์คือลูกแกะ นี่คือสิ่งที่เวอร์ชันนี้กล่าวไว้: เมื่ออบ เนื้อแกะจากแป้งเปลี่ยนไปและกลายเป็นเหมือนกระต่าย ดังนั้นเราจึงตัดสินใจว่าเนื่องจากสิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งและในบรรดาแม่บ้านหลายคนกระต่ายอีสเตอร์จึงควรรับผิดชอบ

6. กระต่ายเป็นรูปของพระคริสต์ในไบแซนเทียมในสัญลักษณ์ของสัตว์ กระต่ายเป็นตัวแทนของพระคริสต์ มันเกี่ยวข้องกับไฟบูชายัญและ "ชีวิตที่ผ่านความตาย" ตามเวอร์ชันนี้ปรากฎว่าไข่หลากสีจากกระต่ายอีสเตอร์เป็นของขวัญจากพระบุตรของพระเจ้าเอง

7. เรือกระต่ายและเรือโนอาห์- ปรากฎว่าเรือโนอาห์เกือบจะชนเมื่อชนภูเขาใต้น้ำ และเป็นกระต่ายที่ปิดรอยแยกโดยนั่งบนนั้น ดังนั้นเขาจึงช่วยมนุษยชาติทั้งหมด! คุณเพลิดเพลินกับ Version นี้แค่ไหน?

มีเวอร์ชันดังกล่าวอยู่ เลือกอันใดอันหนึ่ง... และในหนังสือภาษาเยอรมันที่ฉันซื้อสำหรับเด็ก กระต่ายไปตลาด ซื้อไข่ และทาสีเอง: ที่นั่นมีคลาสมาสเตอร์ทั้งหมด นอกจากนี้พวกเขายังอบกระต่ายด้วยเคลือบช็อคโกแลต จากนั้นสัตว์หูยาวจะเก็บไข่และขนมหวานทั้งหมด และในเวลากลางคืนพร้อมโคมไฟและตะเกียง ให้ใช้เกวียนเพื่อขนพวกมันไปที่สวน ลูก ๆ ของฉันมีความสุขกับเรื่องนี้จนถึงตอนนี้ และถ้าคำถามตามมา - "ทำไมต้องกระต่าย" – ฉันจะเลือกเวอร์ชันหมายเลขหนึ่ง – มันเยี่ยมยอดและน่าพอใจมาก

อีสเตอร์และกระต่าย - เหมือนคริสต์มาสกับต้นคริสต์มาส ปีใหม่กับซานตาคลอสเป็นองค์ประกอบที่แยกกันไม่ออกมานานแล้ว ชาวเยอรมันเร่งรีบในการตกแต่งบ้านโดยใช้สัตว์หูยาวนี้ อบพายหรือคุกกี้รูปกระต่าย และอย่าลืมซื้อหูช็อคโกแลตจำนวนพอสมควร ในแต่ละปีมีการผลิตกระต่ายช็อกโกแลตประมาณ 190 ล้านตัวในเยอรมนี ซึ่งมากกว่าช็อกโกแลตซานตาคลอสถึง 50 ล้านตัว นี่เป็นกระต่ายแสนหวานยอดนิยมที่ทำจากมวลโกโก้

และในเยอรมนีก่อนอีสเตอร์ น้ำพุทั้งหมดตกแต่งด้วยไข่หลากสีสดใส (ไม่ใช่ของจริง!):

แต่นั่นเป็นเรื่องราวที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง... และฉันขอแสดงความยินดีกับทุกคนในวันอีสเตอร์ที่กำลังจะมาถึง!

กระต่ายอีสเตอร์เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ในหมู่ผู้อยู่อาศัยในประเทศตะวันตก ตอนนี้มันได้รับความนิยมในรัสเซีย เช่นเดียวกับเค้กอีสเตอร์ คอทเทจชีสอีสเตอร์และไข่สี มันทำมาจาก วัสดุที่แตกต่างกันตกแต่งด้วยลวดลายต่างๆนำมามอบให้เป็นของที่ระลึก

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่ากระต่ายอีสเตอร์ทำอะไรในวันหยุดนี้และพวกมัน "วางไข่" อย่างไร ท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่กระต่ายทำในวันฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์

เด็กชาวอเมริกันและชาวยุโรปเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่ากระต่ายอีสเตอร์จะนำไข่ช็อกโกแลตมาให้พวกเขาหากพวกเขาประพฤติตัวดีตลอดทั้งปี ดังนั้นความบันเทิงและกิจกรรมหลักของเช้าวันอาทิตย์คือการค้นหารังด้วยขนมหวาน

ทำไมกระต่ายถึงเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์? ประวัติศาสตร์เริ่มต้นย้อนกลับไปในสมัยที่ชาวเยอรมันไม่ใช่คริสเตียน แต่นับถือเทพเจ้านอกรีต ในเวลานั้น Ostara เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และฤดูใบไม้ผลิได้รับการเคารพ วันวสันตวิษุวัตของเธอซึ่งเป็นภาพสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ที่เพิ่มขึ้น - กระต่าย

แต่กระต่ายไม่สามารถวางไข่ได้ และไก่ธรรมดาก็ไม่สามารถวางไข่ที่สวยงามได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชาวเยอรมันจึงสร้างตัวละครในเทพนิยายขึ้นมา นั่นคือกระต่ายวิเศษที่วางไข่วิเศษตัวเดียวกัน

จนถึงทุกวันนี้มีการถกเถียงกันว่าใครเป็นคนคิดเรื่องการซ่อนไข่และตามหาพวกมัน เวอร์ชันที่เป็นไปได้มากที่สุดคือความบันเทิงนี้เป็นแนวคิดของเกอเธ่เองซึ่งให้ความบันเทิงแก่แขกในลักษณะนี้

ตำนาน

ประวัติความเป็นมาของกระต่ายก็มีตำนานเป็นของตัวเองเช่นเดียวกับสัญลักษณ์อื่น ๆ บางคนยังคงไม่มีปัญหาจนถึงทุกวันนี้

ตำนานต้นกำเนิดของกระต่าย:

1. ตำนานแรกเล่าว่าในช่วงน้ำท่วมใหญ่ นาวาเจอก้อนหินและมีรูก่อตัวที่ก้นหีบ หีบได้รับการช่วยเหลือโดยกระต่ายตัวหนึ่งนั่งอยู่บนแพซึ่งอุดช่องว่างด้วยหางของมันเอง
2. ตำนานที่สองเล่าว่าไข่ที่สวยงามเป็นของขวัญจากกระต่ายที่ต้องการชดใช้สำหรับการบุกโจมตีสวนของผู้อยู่อาศัยในฤดูใบไม้ผลิอย่างไร้ความปรานี
3. ตำนานที่สามอ้างว่าในสมัยโบราณมีสัญญาณพิเศษที่สัญญาว่าจะมีความสุขให้กับผู้ที่พบไข่ที่กระต่ายวางอยู่
4. ตำนานที่สี่ซึ่งทันสมัยกว่ากล่าวว่าหญิงชาวเยอรมันผู้น่าสงสารคนหนึ่งไม่มีเงินและซ่อนไข่ที่ทาสีไว้ในสวนของเธอ เมื่อเด็กๆ ออกตามหาและพบรังอันล้ำค่า ก็มีกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งผ่านมา ซึ่งดูเหมือนพวกเขาจะมอบของขวัญอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ให้กับพวกเขา
5. ตำนานที่ห้าเล่าว่าในช่วงเวลาที่จำนวนกระต่ายในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ และด้วยเหตุนี้ ทุ่งนาจึงว่างเปล่าและความอดอยากจึงเกิดขึ้น ผู้คนจึงเริ่มจับสัตว์และทำลายพวกมัน และกระต่ายตัวสุดท้ายที่จับได้ก็ถูกแขวนคอที่ถนนสายหลักของเมือง เพื่อเป็นสัญญาณว่าอันตรายได้ผ่านไปแล้วและผู้คนก็ชื่นชมยินดี

นอกจากนี้ในสมัยโบราณกระต่ายยังถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดา Eostre ซึ่งมีชื่อคำว่า "อีสเตอร์" ไม่ว่าคนในตำนานจะเชื่อในเรื่องใดก็ตาม กระต่ายยังคงได้รับความเคารพในฐานะสัญลักษณ์แห่งปาฏิหาริย์

ประเพณีอีสเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับกระต่าย

กระต่ายอีสเตอร์และประเพณีการเฉลิมฉลองถูกกล่าวถึงครั้งแรกในงานของ Georg Frank von Frankenau นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันผู้โด่งดัง บทความ "On Easter Eggs" ได้รับการตีพิมพ์ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1600 เมื่อต้นศตวรรษที่ 18 ประเพณีดังกล่าวได้แพร่กระจายไปยังดินแดนของอาณานิคมอเมริกาเหนือซึ่งเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานโดยอาณานิคมของเยอรมัน

ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 ประเพณีต่างๆ ได้ถูกรวมเข้าด้วยกันในที่สุด ซึ่งในเวลานั้นกระต่ายอีสเตอร์กลายเป็นตัวละครหลักของนิทานพื้นบ้านในเทพนิยายพร้อมกับซานตาคลอส

หากคุณไปประเทศใดในยุโรปในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ คุณจะเห็นขบวนพาเหรดหลากสีสันที่ผู้คนแต่งตัวเป็นกระต่ายอย่างสนุกสนาน ชั้นวางของในร้านเต็มไปด้วยตุ๊กตาช็อกโกแลตรูปกระต่าย คุกกี้ในรูปทรงที่เหมาะสม รวมถึงของที่ระลึกต่างๆ

เตรียมความพร้อมสำหรับวันหยุด

กระต่ายวางไข่ในรัง ซึ่งในหลายประเทศมีการเสนอให้เด็กๆ จัดเตรียมไว้ เด็ก ๆ ไม่เพียงวางหมวกไว้รอบ ๆ บ้านเหมือนที่เคยทำมาก่อน แต่ยังเตรียมรังไว้เป็นพิเศษด้วย พวกเขาทำจากกระดาษแข็ง ผ้าสักหลาด สำลี ทอจากแท่งบางๆ และแม้แต่แกะสลักจากดินเหนียว แต่ละครอบครัวมีตัวเลือกของตัวเองในการทำรังสำหรับสัญลักษณ์อีสเตอร์

ตัวกระต่ายนั้นอบจากแป้งเทลงในรูปช็อคโกแลตทำจากแยมผิวส้มและมาร์ซิปันถักตัดจากกระดาษแข็งเย็บจากขนสัตว์ ฯลฯ ของที่ระลึกดังกล่าวในปัจจุบันสามารถพบได้ไม่เพียง แต่ในครอบครัวของชาวเยอรมันเท่านั้น แต่ยังมี ให้ในประเทศของเราพร้อมกับไข่อีสเตอร์

นอกจากนี้ ชาวคริสเตียนนิกายออร์โธดอกซ์คาทอลิกจะต้องเตรียมกระต่ายสำหรับเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะตุ๋นและอบ และถ้าครอบครัวไม่มีเงินซื้อของที่ระลึกก็ต้องหาเงินซื้อเนื้อกระต่าย มิฉะนั้นปีนี้จะไม่มีอะไรมานอกจากปัญหาและความโศกเศร้า ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าสัญลักษณ์นี้มาจากไหน แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในเยอรมนีและอเมริกาพยายามปฏิบัติตามกฎเกณฑ์

สวัสดีผู้อ่านบล็อกของฉัน! พวกคุณหลายคนมีความสนใจในหัวข้อวันหยุดหลักของคริสเตียน - อีสเตอร์ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจบอกคุณว่าทำไมกระต่ายจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศในยุโรปและในอเมริกา ประวัติความเป็นมาของกระต่ายอีสเตอร์ย้อนกลับไปหลายศตวรรษ ประเพณีนี้มีรากฐานที่ลึกซึ้งและมีต้นกำเนิดครั้งแรกในประเทศเยอรมนีก่อนการถือกำเนิดของศาสนาคริสต์ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะบอกรายละเอียดมากกว่านี้มาก

ดังที่คุณทราบในประเทศตะวันตกสัญลักษณ์ของอีสเตอร์คือกระต่ายในขณะที่ในรัสเซียประเพณีนี้ยังไม่ได้หยั่งราก แต่ถึงกระนั้นหลายคนก็รู้เรื่องนี้

ตามตำนานเก่าแก่ สัตว์ขนยาวตัวนี้รวบรวมและซ่อนอยู่ในไข่โพรงที่ทำจากช็อคโกแลตแล้วทาสี สีสดใส- ในเช้าวันอีสเตอร์ เด็กๆ ต้องหาบ้านของกระต่ายซึ่งมีขนมเก็บไว้ล่วงหน้ารออยู่ กระต่ายไม่ได้ให้ของขวัญแก่ทุกคน แต่เฉพาะกับเด็ก ๆ ที่ประพฤติตัวดีตลอดทั้งปี เรียนดี และเชื่อฟังพ่อแม่เท่านั้น

มีตำนานเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ด้วย ต้นกำเนิดโบราณ- เนื่องจากเรื่องราวนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในยุคมืดมนของลัทธินอกรีต เมื่อเทพเจ้าหลายองค์เป็นเทพเจ้าหลักสำหรับทุกคน

เทพธิดาชื่อ Ostara ในเวลานั้นเป็นตัวตนของภาวะเจริญพันธุ์และฤดูใบไม้ผลิ เธอได้รับการเคารพนับถือในฐานะเทพหลักของวันหยุด Equinox และกระต่ายได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองนี้ เป็นสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดชนิดหนึ่งและเป็นสัญลักษณ์ของครอบครัวใหญ่และลูกหลานที่ดี

เป็นเรื่องแปลกมากที่ไข่มีความเกี่ยวข้องกัน เนื่องจากตามหลักเหตุผลแล้วไก่ควรวางไข่ แต่นั่นไม่ใช่กรณี! ชาวเยอรมันโบราณซึ่งเป็นต้นกำเนิดของตำนานนี้ได้สร้างตัวละครขนยาวที่น่าอัศจรรย์ซึ่งรวบรวมไข่ที่สดใสและแปลกตาสำหรับเทศกาลอีสเตอร์

แต่นี่ยังห่างไกลจากเรื่องราวเพียงเรื่องเดียวของการปรากฏตัวของมันเนื่องจากมีตำนานที่น่าสนใจอีกมากมาย

หลังน้ำท่วมใหญ่ เรือโนอาห์ชนยอดเขาโดยบังเอิญระหว่างการเดินทาง ส่งผลให้เกิดหลุมที่ก้นเรือ ผู้โดยสารทุกคนบนเรือตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตหากกระต่ายขนฟูไม่เข้ามาช่วยเหลือ โดยใช้หางอุดช่องว่างไว้

ตามเรื่องราวธรรมดาๆ อีกเรื่องหนึ่ง ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และกระต่ายอีสเตอร์ก็กลายเป็นสัตว์ขนปุยที่ "ออกกำลัง" บุกโจมตีแปลงของชาวบ้านทุกคืนและทำลายสต๊อกผัก

ความเชื่อเรื่องไข่หลากสี

น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้แน่ชัดถึงที่มาของข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่คิดไอเดียในการซ่อนไข่หลากสีสำหรับเด็ก หากเรากลับมาที่ต้นกำเนิดวันหยุดของชาวเยอรมันอีกครั้งก็ควรให้ความสนใจกับเวอร์ชันอื่น ตามประเพณีนี้เกอเธ่คิดค้นขึ้นเพื่อรับรองแขกในช่วงอาหารค่ำอีสเตอร์

ไข่หลากสีสดใสถูกซ่อนไว้ล่วงหน้าตามมุมต่างๆ ของสวน ผู้ใหญ่และเด็กต้องค้นหาไข่แต่ละฟอง ตามความเชื่อโบราณ ใครก็ตามที่พบไข่ดังกล่าวอย่างน้อยหนึ่งฟองจะรู้ได้อย่างแน่นอนว่าทั้งปีจะประสบความสำเร็จและมีความสุขมากสำหรับเขา

ลักษณะของการเฉลิมฉลองในประเทศอื่น

ในระหว่างการเฉลิมฉลองตามประเพณีอีสเตอร์ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เป็นธรรมเนียมที่จะมอบกระต่ายที่ทำจากช็อคโกแลตหรือขนมหวานอื่น ๆ ให้กันและกัน รวมถึงตะกร้าพร้อมไข่ตกแต่ง นอกจากนี้ส่วนสำคัญของการเฉลิมฉลองมักเป็นขบวนพาเหรดซึ่งเป็นงานที่น่าตื่นเต้นมาก

ฉันหวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ และตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าทำไมกระต่ายจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันอาทิตย์อีสเตอร์ อย่าลืมสมัครรับข้อมูลอัปเดตและแสดงความคิดเห็นด้านล่างและฉันจะยังคงสร้างความพึงพอใจให้กับคุณด้วยเนื้อหาใหม่และน่าสนใจ

ขอแสดงความนับถือ Tatyana Svatova