อาหารอะไรทำให้เกิดมะเร็ง? สารเคมีก่อมะเร็งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ผลระคายเคืองในท้องถิ่น

ทุกคนรู้ดีว่าโรคอย่างมะเร็งนั้นร้ายแรงแค่ไหน ทุกคนรู้ดีว่าโรคนี้มีราคาแพงเพียงใด - เกือบทุกด้านในชีวิตของบุคคลได้รับผลกระทบ - จิตใจ อารมณ์ การเงิน จิตวิญญาณและร่างกาย มะเร็งทำให้เกิดความเครียดและความวุ่นวายในจิตใจและร่างกาย รวมถึงในความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง เนื่องจากโรคมะเร็ง ผู้คนจำนวนมากจึงไม่สามารถทำสิ่งที่พวกเขาเคยทำอีกต่อไป ทั้งในฐานะบุคคล พ่อแม่ หรือในฐานะลูกจ้าง

ไม่มีพื้นที่ใดในชีวิตที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็ง มันเป็นคนร้ายที่ร้ายกาจในการต่อสู้ แต่มันทำให้คน ๆ หนึ่งทรุดโทรมในหลาย ๆ ด้านจนเป็นการยากที่จะอธิบายให้คนที่ไม่เป็นมะเร็งในครอบครัวหรือรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของโรคร้ายนี้

แต่จะเป็นอย่างไรถ้าฉันบอกคุณว่ามีบางอย่างที่คุณสามารถทำได้ในตอนนี้ซึ่งจะลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ถึง 50%? ใช่แล้ว 50%!

หากคุณรู้ว่ามีหนทางที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันมะเร็งไม่ให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ...คุณจะเลือกเส้นทางนั้นหรือไม่?

มีการพูดคุยมากมายเกี่ยวกับ "การรักษา" มะเร็งในการดูแลสุขภาพ แต่มีคำพูดที่คุณคงเคยได้ยิน: "การป้องกันเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด" มันจึงสมเหตุสมผลกว่ามาก...

ในบทความของฉัน ฉันแจ้งให้ผู้คนทราบมากมายเกี่ยวกับอาหารที่ช่วยต่อต้านมะเร็งและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง แต่ตอนนี้ฉันอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับอาหารที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งไม่ช้าก็เร็ว ความสามารถของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นที่รู้จักและพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มานานแล้ว

บางครั้งมะเร็งก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่คาดคิด แต่บ่อยครั้งที่มะเร็งเกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างนั้นคุณมักจะติดนิสัยที่ไม่ดีบางอย่างอย่างดื้อรั้น ตัวอย่างที่ดีคือการสูบบุหรี่และการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตมากเกินไป ซึ่งมักส่งผลให้เกิดมะเร็งปอดและมะเร็งผิวหนังตามลำดับ

ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ามะเร็งมากกว่าครึ่งหนึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าในปี 2012 เพียงปีเดียว มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั่วโลก 14 ล้านราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 8.2 ล้านราย ในอีก 20 ปีข้างหน้า ตัวเลขเหล่านี้คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นมากถึง 70%!

มะเร็งห้าชนิดที่พบบ่อยที่สุดในผู้ชาย ได้แก่ ปอด ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร และตับ

มะเร็งห้าชนิดที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง ได้แก่ เต้านม ลำไส้ ปอด ปากมดลูก และกระเพาะอาหาร

ฉันต้องการเน้นย้ำว่าคุณควรเข้าใจว่ามะเร็งที่พบบ่อยที่สุด (และลุกลาม) หลายชนิดเกิดขึ้นจากปัญหาในระบบทางเดินอาหาร ระบบการทำงานของร่างกายของคุณนี้จะประมวลผลอาหารที่คุณกินและกระจายไปทั่วร่างกายเมื่อจำเป็น และระบบนี้จะพยายามกำจัดสารพิษที่ตกค้างออกจากร่างกายอย่างดีที่สุด

ปรากฎว่านี่คือส่วนหลักของร่างกายของคุณซึ่งความสามารถในการป้องกันมะเร็งหรือรอดจากมะเร็งที่มีอยู่นั้นขึ้นอยู่กับอย่างมาก อาหารและเครื่องดื่มที่คุณบริโภค ได้แก่ เชื้อเพลิงที่ร่างกายใช้เพื่อต่อสู้กับโรคร้ายถือเป็นประเด็นสำคัญในความเป็นอยู่โดยรวมของคุณ

อาหารบางชนิดมีอันตรายมากกว่าอาหารอื่นๆ และอาจทำให้เกิดสภาวะและโรคต่างๆ ได้ มะเร็งเป็นหนึ่งในโรคที่ร้ายแรงที่สุด แต่การรับประทานอาหารที่เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของอาหารที่อันตรายและก่อให้เกิดมะเร็งมากที่สุด คุณยังเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน อาการอักเสบเรื้อรัง และอื่นๆ อีกมากมาย

หนึ่งในอาหารที่เป็นอันตรายมากที่สุดที่ก่อให้เกิดมะเร็ง การหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยลงครึ่งหนึ่ง

อาหารสามารถรักษาได้และยังสามารถฆ่าได้ เรียนรู้เกี่ยวกับอาหารรักษาโรคมะเร็งที่หากรับประทานเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เบาหวาน หรืออาการอักเสบเรื้อรัง บางทีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายเหล่านี้บางส่วนอาจอยู่ในครัวของคุณตอนนี้

จีเอ็มโอ.

การผลิตสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่ใช้ในการเกษตรมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่าการเพาะปลูกผลิตภัณฑ์จีเอ็มโอจะถูกห้ามในรัสเซียตั้งแต่ปี 2559 แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครห้ามการขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในรูปแบบนำเข้า เพื่อให้แน่ใจในเรื่องนี้ เพียงแค่ดูอายุการเก็บรักษา เช่น ก้านขึ้นฉ่ายที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น สามารถนั่งเงียบๆ บนเคาน์เตอร์ได้ 180 วัน! ไม่น่าเชื่อว่านี่คือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกทั่วไป...(หมายเหตุผู้แปล)ข้าวโพดและถั่วเหลืองในอเมริกามากกว่า 90% ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรม รัสเซียซื้อถั่วเหลืองอเมริกันซึ่งในตัวมันเองแปลกมาก นี่คือลิงก์ที่รัสเซียสามารถห้ามการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐอเมริกาได้เท่านั้น http://tass.ru/en/economy/852343

ผู้เชี่ยวชาญไม่ปฏิเสธว่าก่อนที่ผลิตภัณฑ์ GMO จะถูกนำมาใช้ในเครือข่ายอาหาร ไม่มีการศึกษาที่เพียงพอเกี่ยวกับผลกระทบของ GMO ต่อสุขภาพของมนุษย์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่มีใครรวมทั้งเกษตรกรและผู้ผลิต GMOs เองที่รู้เกี่ยวกับผลที่ตามมาจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพื่อสุขภาพของมนุษย์ในระยะยาว อ่านฉลากที่ไม่ใช่จีเอ็มโอบนบรรจุภัณฑ์ แม้ว่ากฎหมายไม่ได้บังคับให้ผู้ผลิตระบุว่ามี GMOs ในผลิตภัณฑ์ของตนก็ตาม

ป๊อปคอร์นไมโครเวฟ.

ความเป็นอันตรายของผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่พูดถึงกันทั่วโลก ทุกสิ่งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้เป็นอันตรายตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ที่ด้านในบุด้วยสารเคมีไปจนถึงเนื้อหาในตัวมันเอง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าป๊อปคอร์นดังกล่าวทำให้เกิดมะเร็งปอด ท้ายที่สุดมันไม่เพียงประกอบด้วยเมล็ดข้าวโพดและน้ำมันซึ่งน่าจะเป็น GMO มากที่สุด (ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้) แต่ยังมีควันที่ปล่อยออกมาของรสชาติเทียมที่ให้กลิ่นของ "เนย" กลิ่นหอมนี้มีสารพิษไดอะซิทิล แต่ถ้าคุณชอบป๊อปคอร์นมากก็ทำจากข้าวโพดธรรมชาติไม่ปล่อยควันอันตรายและมีรสชาติอร่อยกว่ามาก

ข้อเสียกระป๋อง

กระป๋องส่วนใหญ่จะเคลือบด้านในด้วยสารเคมี Bisphenol-A ฉันพบการเปลี่ยนแปลงแปลกๆ ในอาหารกระป๋องในปัจจุบันซึ่งสามารถพบได้บนชั้นวางของในร้านขายของชำเกือบทุกแห่ง สิ่งแรกที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือถั่วกระป๋องและถั่วลันเตาหลายชนิดมีอายุการเก็บรักษา 4 ปี แม้ว่าบางชนิดจะยังมีอายุการเก็บรักษา 2 ปีก็ตาม! ปัจจุบันมีอยู่ในสินค้ากระป๋องของแบรนด์นำเข้าเป็นหลัก เช่น “ลูกโลก", ตัวอย่างเช่น. อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะยืนยันคำพูดของผู้เขียนบทความนี้ได้มากที่สุดก็คือเวลาเปิดอาหารกระป๋องออกมาจะสังเกตเห็นว่าพื้นผิวด้านในของกระป๋องโลหะเคลือบด้วยสารสีขาวบางชนิด บางทีนี่อาจเป็น Bisphenol-A (โดยประมาณ)การทดลองกับหนูได้พิสูจน์แล้วว่าบิสฟีนอลทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์สมอง บิสฟีนอลพบได้ในผลิตภัณฑ์พลาสติกส่วนใหญ่ และใช้ในการผลิตกระดาษเทอร์มอล ท่อน้ำ โพลีคาร์บอเนต และวัสดุคอมโพสิตหลายชนิดที่ใช้ในงานทันตกรรม ดังนั้นควรรับประทานผักหรือผลไม้สดหรือแช่แข็งที่ไม่มีสารเคมีเจือปนจะดีกว่า สิ่งเหล่านี้ดีต่อสุขภาพมากและมีจำหน่ายตลอดทั้งปี

เนื้อแดงย่าง.

แม้ว่าเนื้อย่างจะอร่อยอย่างแน่นอน แต่นักวิทยาศาสตร์พบว่าเนื้อสัตว์ที่ปรุงด้วยวิธีนี้ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ฮอทด็อก จะปล่อยสารก่อมะเร็งที่เรียกว่า "เฮเทอโรไซคลิกอะโรมาติกเอมีน" เมื่อเนื้อถูกย่าง องค์ประกอบทางเคมีและโครงสร้างโมเลกุลของเนื้อสัตว์จะเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะอบเนื้อ

น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์

อาหารที่ก่อให้เกิดมะเร็งที่รู้จักกันดีที่สุดคือน้ำเชื่อมข้าวโพดและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์อื่นๆ แม้แต่สิ่งที่เรียกว่าน้ำตาลทรายแดงก็ยังได้รับการขัดเกลาอย่างดีด้วยกากน้ำตาลสีดำซึ่งเพิ่มสีและรสชาติ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (รวมถึงอาหารที่เตรียมจากน้ำตาลทรายขาว) ทำให้เกิดการหลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้นและเป็นอาหารสำหรับเซลล์มะเร็ง เนื่องจากน้ำตาลเกือบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาทำจากหัวบีทจีเอ็มโอ การใช้น้ำตาลออร์แกนิกอย่างน้ำผึ้ง น้ำตาลมะพร้าว หรือน้ำตาลเมเปิ้ลจึงปลอดภัยกว่ามาก แม้ว่าในปัจจุบันนักเนื้องอกวิทยาได้เริ่มรักษามะเร็งด้วยยาเพื่อรักษาโรคเบาหวานแล้ว ก็พิสูจน์ได้ว่าเซลล์ที่กลายพันธุ์นั้นชอบน้ำตาลมาก

ผลิตภัณฑ์เค็มดองและรมควัน

โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะใช้สารกันบูด เช่น ไนเตรต เพื่อยืดอายุการเก็บของผลิตภัณฑ์ สารเติมแต่งที่ใช้ในอาหารแปรรูปจะสะสมในร่างกายเมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดสารพิษดังกล่าวสามารถทำให้เกิดความเสียหายในระดับเซลล์และก่อให้เกิดมะเร็งได้ ในระหว่างการผลิตอาหารรมควันภายใต้อิทธิพลของอุณหภูมิสูงไนเตรตจะถูกเปลี่ยนเป็นไนไตรต์ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า

เครื่องดื่มหวานและอัดลม

เป็นเวลาเกือบสองทศวรรษแล้วที่มีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องว่าเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นหนึ่งในอาหารที่อันตรายที่สุดที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ประกอบด้วยน้ำเชื่อมข้าวโพด (HFCS) สีย้อม และสารเคมีอื่นๆ จำนวนมากที่เป็นอันตรายต่อทุกระบบของร่างกายมนุษย์ พวกมันไม่เพียงแต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลย แต่ในทางกลับกัน พวกมันจะดึงสารอาหารที่คุณได้รับจากอาหารอื่น ๆ ออกไปจากร่างกายของคุณ เพียงเพราะฉลากระบุว่า "เครื่องดื่มลดน้ำหนัก" หมายความว่าอาจมีสารให้ความหวานแอสปาร์แตม ซึ่งไม่ดีต่อเซลล์ของคุณมากไปกว่าพิษของหนู

แป้งขาว.

เมื่อแป้งได้รับการขัดเกลา คุณค่าทางโภชนาการจะหมดไปโดยเฉพาะแป้งเกรดพรีเมียม จากนั้นแป้งนี้จะถูกฟอกด้วยก๊าซคลอรีนเพื่อให้ผู้บริโภคสนใจมากขึ้น แป้งมีดัชนีน้ำตาลในเลือดสูงมากจึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมะเร็งชอบน้ำตาลเชิงเดี่ยว แต่จริงๆ แล้วมันก็กินมันเข้าไปด้วย

ปลาที่เลี้ยงแบบเทียม

น้ำมันเติมไฮโดรเจน

น้ำมันพืชสกัดทางเคมีจากวัตถุดิบ บำบัดด้วยสารเคมี และเติมสารเคมีเข้าไปอีกเพื่อเปลี่ยนกลิ่นและรสชาติ น้ำมันเหล่านี้เต็มไปด้วยไขมันโอเมก้า 6 ที่เป็นอันตราย (ซึ่งผู้คนบริโภคมากเกินไปอยู่แล้ว) และส่งผลให้โครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์ของเราเปลี่ยนไป

ห้าประเด็นสำคัญในการป้องกันมะเร็ง

นอกจากอาหารที่ระบุไว้ข้างต้นแล้ว ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีป้ายกำกับว่า "อาหาร" "อาหารเบา" หรือ "ไขมันต่ำ" เพื่อกำจัดไขมันหรือแคลอรี่ที่พบในผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจะถูกแทนที่ด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

แทนที่จะบริโภคอาหารที่อ้างว่า "ดีต่อสุขภาพของคุณ" ให้ใช้กฎการบริโภคอาหารสี่ข้อต่อไปนี้เพื่อช่วยป้องกันมะเร็ง:

พยายามกินอาหารออร์แกนิกเท่านั้น (เช่น จากธรรมชาติโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไนเตรต และสารเคมีอื่นๆ ปลูกที่บ้านและไม่ใช่ในแหล่งเกษตรกรรม) หากมีโอกาสเช่นนั้น
เลือกเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่ และหากความสดเป็นเรื่องยากในภูมิภาคของคุณ ให้แช่แข็งเป็นวิธีสุดท้าย
ทุกมื้อ ให้เติมผักที่ไม่มีแป้งครึ่งจาน และถ้าคุณยังกินอาหารจากสัตว์อยู่ก็ควรพยายามให้แน่ใจว่าสัตว์ที่เตรียมไว้นั้นได้รับหญ้าเป็นอาหาร (รวมถึงนมและไข่) ใช้น้ำมันพืชคุณภาพสูงเท่านั้น (มะพร้าว มะกอก เมล็ดแฟลกซ์)
จำเป็นต้องลดการบริโภคธัญพืชและน้ำตาลลงอย่างมาก
บริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติเพื่อช่วยเติมเต็มร่างกายด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็ง

การปฏิบัติตามกฎง่ายๆ เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง แต่ยังเปลี่ยนรูปลักษณ์และปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของคุณด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาเห็นพ้องกันว่าคำว่ามะเร็งเป็นการตีความที่หลวมมากของกระบวนการเนื้องอกมะเร็งต่างๆ ในร่างกาย มีโรคมากกว่าสองร้อยโรคที่ถูกตีความว่าเป็นมะเร็ง และเนื้องอกที่เป็นมะเร็งสามารถพัฒนาได้ในทุกส่วนของร่างกาย และในเนื้อเยื่อชีวภาพทุกประเภท

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อร่างกายที่เป็นสาเหตุของมะเร็งหรือในรูปแบบต่างๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มีความเกี่ยวข้องกับความเสียหายต่อเซลล์อย่างสม่ำเสมอและระยะยาว ดังนั้นสาเหตุที่ทราบของโรคมะเร็งจึงจัดกลุ่มตามประเภทของผลกระทบต่อร่างกายโดยรวม เช่น พฤติกรรมที่ทำให้เกิดมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่ง - การสูบบุหรี่ - ทำให้เกิดมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งริมฝีปาก เป็นต้น

แล้วควรละทิ้งอะไรเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อะไรทำให้เกิดมะเร็ง?

การศึกษาปัจจัยในการพัฒนาด้านเนื้องอกวิทยาในวงกว้างทำให้สามารถระบุสาเหตุของการหยุดชะงักของการทำงานปกติของเซลล์ร่างกายได้หลายกลุ่ม:

พันธุศาสตร์ - รวมถึงความล้มเหลวทางพันธุกรรมที่สืบทอดมาจากพ่อแม่
ไลฟ์สไตล์ - นิสัยของมนุษย์ที่เป็นอันตรายซึ่งทำลายเซลล์ของร่างกายผ่านอิทธิพลภายนอกหรือภายในระดับของการออกกำลังกายการรวมกันของความเครียดและการพักผ่อน
สิ่งแวดล้อมคือสิ่งที่เรากิน ดื่ม สิ่งที่เราหายใจ สิ่งที่เราสัมผัส
ชีววิทยา - การติดเชื้อและไวรัสซึ่งก่อให้เกิดมะเร็ง

เรามาดูสาเหตุของโรคมะเร็งกันดีกว่า

ไลฟ์สไตล์

กรณีมะเร็งที่มีการลงทะเบียนเกือบมากที่สุดมีสาเหตุมาจากการใช้สารที่ไม่เป็นธรรมชาติต่อร่างกาย ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งคือการสูบบุหรี่ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นของบทความนี้ นอกเหนือจากผลกระทบโดยตรงของการสัมผัสความร้อนและส่วนประกอบของควันบุหรี่กับเยื่อเมือกและปอดของบุคคลแล้ว ส่วนประกอบของควันบุหรี่ยังคงส่งผลเสียต่อไปเมื่อเข้าสู่กระแสเลือด อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่คุณสมบัติทางเคมีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฟิสิกส์ของบุหรี่ด้วย ซึ่งเมื่อสูบบุหรี่ "แท่งมะเร็ง" จะมีการสร้างเมฆรังสีขึ้นรอบๆ ผู้สูบบุหรี่ ซึ่งรังสีพื้นหลังจะเกินกว่ารังสีธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ การพัฒนาของมะเร็ง

นิสัยอีกอย่างหนึ่งคือการดื่มแอลกอฮอล์ การวิจัยสมัยใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่าแอลกอฮอล์ไม่เพียงทำให้เกิดมะเร็งตับซึ่งถูกบังคับให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง "ถึงขีดสุด" โดยต้องรับมือกับผลของสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายแม้ว่าจะไม่อยู่ในความเข้มข้นสูง แต่ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่กระตุ้นการพัฒนา ของมะเร็งประเภทดังกล่าว เช่น มะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่

อ่านเพิ่มเติม:

การนอนหลับไม่เพียงพอยังทำให้เกิดมะเร็งอีกด้วย และสิ่งนี้เชื่อมโยงไม่เพียงกับปริมาณการนอนหลับเท่านั้น เมื่อการนอนไม่เพียงพอจะลดคุณสมบัติการป้องกันโดยรวมของร่างกาย แต่ยังรวมถึงคุณภาพของการพักผ่อนด้วย กล่าวคือ การศึกษาสถิติมะเร็งเต้านมสมัยใหม่พบว่าการนอนในที่มืดบางส่วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม

วิถีชีวิตที่อยู่ประจำที่ซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติของการเผาผลาญยังบ่อนทำลายความแข็งแกร่งของร่างกายจากภายในและการสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการพัฒนามะเร็งผิวหนังซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงเนื่องจากความก้าวร้าวและความละเอียดอ่อนของ สัญญาณแรก

พันธุศาสตร์

กระบวนการพัฒนาเนื้องอกที่ทราบหลายประการมีสาเหตุมาจากสาเหตุทางพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่พูดถึงความสนใจของสื่อจำนวนมากอย่างไม่ยุติธรรมต่อมะเร็งชนิดที่กำหนดทางพันธุกรรม ซึ่งในความเป็นจริงไม่ธรรมดานัก

ความโน้มเอียงต่อการพัฒนาของเนื้องอกสามารถกำหนดได้โดยใช้การทดสอบจำนวนหนึ่งซึ่งมีบ่อยขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตามควรจำไว้ว่าแม้แต่คำตอบเชิงบวกเกี่ยวกับการมีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมก็ไม่ได้หมายความว่าการถ่ายทอดทางพันธุกรรมนั้นจะทำให้เกิดมะเร็งเลย

อายุ

แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับอายุอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ ในอีกด้านหนึ่ง การป้องกันของร่างกายลดลงตามอายุ ผลกระทบของปัจจัยที่เป็นอันตรายสะสม และในทางกลับกัน เซลล์เองก็อาจได้รับการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมตามอายุ ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาด้านเนื้องอกวิทยาได้เช่นกัน

สารก่อมะเร็ง

สารเหล่านี้เองที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “อะไรทำให้เกิดมะเร็ง” ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นปัจจัยในการพัฒนาส่วนสำคัญของกรณีมะเร็ง

เกลือของโลหะหนัก (โดยเฉพาะปรอทและตะกั่ว) ยาฆ่าแมลงที่ใช้ในการเกษตร สารพิษจากเชื้อรา เกลือที่มีไนโตรเจน (ไนไตรต์ ไนเตรต) - ทำให้เกิดความเสียหายและการกลายพันธุ์ในเซลล์ และยังทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อกลไกการป้องกันในร่างกายอีกด้วย กระบวนการของเนื้องอก “ไฟเขียว” ที่เกิดจากปัจจัยอื่น

อ่านเพิ่มเติม:

แพทย์เรียกอาหารที่อันตรายที่สุดในแง่ของสารก่อมะเร็ง เช่น:

ผลิตภัณฑ์นมหมัก
ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่
ไส้กรอกและผลิตภัณฑ์ไส้กรอก โดยเฉพาะเนื้อรมควัน
ขนมหวานโซดาหวาน
ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป
ชีสแข็งและแปรรูป
สารให้ความหวานและสีเทียม
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ผลิตภัณฑ์อาหารจานด่วน

อาหาร

แต่ไม่เพียงแต่องค์ประกอบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเข้มข้นของสารอาหารด้วยที่ส่งผลโดยตรงต่อโอกาสในการเกิดมะเร็ง ทั้งการอดอาหาร (หรือการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล) และการรับประทานอาหารมากเกินไปจนนำไปสู่โรคอ้วน เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน ซึ่งมักมีส่วนทำให้เกิดการพัฒนากระบวนการของเนื้องอก

โรคอ้วนมักเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ในสตรีและมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชาย

รังสีไอออไนซ์

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ในบรรดากรณีทั้งหมดของโรคมะเร็งที่เกิดจากรังสีไอออไนซ์ แต่การวินิจฉัยจำนวนมากที่สุดนั้นเกิดจากการแผ่รังสี มากกว่าดวงอาทิตย์ธรรมดา แม่นยำยิ่งขึ้นคือรังสียูวีที่บุคคลได้รับขณะอยู่กลางแสงแดด

ไวรัส

มะเร็งทุกรายที่หกเกิดจากการสัมผัสกับไวรัส สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ HPV (human papillomavirus) ซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในสตรี และไวรัสตับอักเสบที่นำไปสู่มะเร็งตับ

ตลอดชีวิตของบุคคล เซลล์ที่มีสุขภาพดีในร่างกายจะแบ่งและแทนที่ตัวเองผ่านกระบวนการควบคุมการแบ่งเซลล์ มะเร็งเริ่มต้นเมื่อเซลล์มีการเปลี่ยนแปลงบ้างและการสืบพันธุ์ไม่สามารถควบคุมได้ เนื้องอกคือกลุ่มเซลล์ที่ผิดปกติ มะเร็งส่วนใหญ่ก่อให้เกิดเนื้องอก แต่ไม่ใช่ว่าเนื้องอกทั้งหมดจะเป็นมะเร็ง เนื้องอกที่อ่อนโยนหรือไม่เป็นมะเร็ง เช่น กระและไฝ หยุดการเจริญเติบโตและไม่แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายหรือสร้างเนื้องอกใหม่ เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งจะอุดตันเซลล์ที่มีสุขภาพดี รบกวนการทำงานของร่างกาย และดูดสารอาหารออกจากเนื้อเยื่อ มะเร็งยังคงเติบโตและแพร่กระจายผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการแพร่กระจาย และทำให้เกิดเนื้องอกใหม่ในส่วนอื่นๆ ของร่างกายในที่สุด

ภาคเรียน มะเร็งครอบคลุมโรคมากกว่า 100 โรคที่ส่งผลกระทบต่อเกือบทุกระบบในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สี่ประเภทหลัก ได้แก่ มะเร็ง มะเร็งซาร์โคมา มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มะเร็ง- มะเร็งชนิดที่พบบ่อยที่สุด - เกิดขึ้นบนผิวหนัง ปอด เต้านม ตับอ่อน รวมถึงอวัยวะและต่อมอื่นๆ

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง- มะเร็งของระบบน้ำเหลือง

มะเร็งเม็ดเลือดขาว- มะเร็งเม็ดเลือดที่ไม่ก่อให้เกิดเนื้องอก

ซาร์โคมาเติบโตในกระดูก กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน และพบได้ค่อนข้างน้อย

อาการ

ในระยะเริ่มแรก มะเร็งจะไม่แสดงอาการ แต่ในที่สุดเนื้องอกก็จะมีขนาดใหญ่พอที่จะสังเกตเห็นได้ อาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทและทำให้เกิดอาการปวด เข้าสู่หลอดเลือดและทำให้เลือดออก หรือรบกวนการทำงานของระบบและอวัยวะของร่างกาย อาการต่อไปนี้อาจบ่งบอกถึงการมีอยู่ของมะเร็งบางรูปแบบ:

การเปลี่ยนแปลงขนาด สี รูปร่าง หรือความหนาของหูด ไฝ หรือแผลในปาก
แผลที่ไม่สามารถรักษาได้
ไออย่างต่อเนื่อง เสียงแหบ หรือเจ็บคอ
ก้อนหรือก้อนในเต้านม อัณฑะ หรือที่อื่น ๆ
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการถ่ายปัสสาวะหรือลำไส้
มีเลือดออกหรือของเหลวผิดปกติ
อาหารไม่ย่อยเรื้อรังหรือกลืนลำบาก
ปวดหัวอย่างต่อเนื่อง
การสูญเสียน้ำหนักหรือความอยากอาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการปวดกระดูกเรื้อรัง
เหนื่อยล้า คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง
ไข้ต่ำๆ อย่างต่อเนื่องซึ่งอาจคงที่หรือเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
กรณีติดเชื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ติดต่อแพทย์ของคุณหาก:

คุณมีอาการที่บ่งบอกถึงมะเร็งที่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีอื่นอย่างชัดเจนและคงอยู่นานกว่าสองสัปดาห์ คุณควรได้รับการตรวจสุขภาพทันที หากสาเหตุของอาการของคุณคือมะเร็ง การวินิจฉัยและการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการรักษา

สาเหตุของโรคมะเร็งคืออะไร?

สาเหตุพื้นฐานของโรคมะเร็งคือการเปลี่ยนแปลงหรือการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นในนิวเคลียสของเซลล์ เพื่อให้เซลล์ที่แข็งแรงกลายเป็นเนื้อร้าย รหัสพันธุกรรมของมันจะต้องได้รับการตั้งโปรแกรมใหม่เพื่อให้แบ่งตัวอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถควบคุมได้ สารที่เริ่มต้นกระบวนการนี้หรือมีส่วนทำให้เกิดกระบวนการนี้เรียกว่าสารก่อมะเร็ง และมีอยู่มากมาย นักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาทฤษฎีที่ว่าเซลล์ประมาณ 10 ล้านจาก 300 ล้านล้านเซลล์ในร่างกายมนุษย์ตายและถูกแทนที่ทุกวินาที ด้วยกิจกรรมของเซลล์ในระดับสูง ความน่าจะเป็นของการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งแบบสุ่มก็สูงเช่นกัน ในคนที่มีสุขภาพแข็งแรง เซลล์พิเศษในระบบภูมิคุ้มกันของเขาสามารถจดจำเซลล์กลายพันธุ์ได้ แต่เซลล์กลายพันธุ์เหล่านี้บางส่วนอาจหลบหนีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจและรอดชีวิตจนก่อให้เกิดมะเร็งได้

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

นิสัย ลักษณะ ลักษณะบุคลิกภาพ หรือการใช้สารใด ๆ ที่เพิ่มความน่าจะเป็นของโรคมะเร็ง เรียกว่าปัจจัยเสี่ยง และความเสี่ยงของโรคมะเร็งเกือบทุกประเภทจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ประวัติทางพันธุกรรมหรือครอบครัวก็เป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน แม้ว่าผลกระทบจะแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี นักวิจัยยังคงระบุยีนที่เมื่อมีข้อบกพร่อง จะเพิ่มความอ่อนแอของบุคคลต่อมะเร็งบางชนิดอย่างชัดเจน ความบกพร่องทางพันธุกรรมนี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีอิทธิพล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนๆ หนึ่งจะเป็นมะเร็งอย่างแน่นอน ปัจจัยเสี่ยงในสิ่งแวดล้อมขึ้นอยู่กับสถานที่และวิธีที่เราอาศัยอยู่ มะเร็งส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในสามปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การสูบบุหรี่ แสงแดด และการรับประทานอาหาร การสูบบุหรี่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปอด ศีรษะและคอ กระเพาะปัสสาวะ ไต กระเพาะอาหาร ปากมดลูก และตับอ่อน รวมถึงมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด การได้รับแสงแดดมากเกินไปเชื่อมโยงกับมะเร็งผิวหนัง การรับประทานอาหารยังทำให้เกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารบางชนิดและอาจมีส่วนทำให้เกิดมะเร็งชนิดอื่นๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งมดลูก พฤติกรรมการบริโภคอาหารเป็นที่สงสัยว่ามีส่วนทำให้เกิดมะเร็งและการพัฒนา รวมถึงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไขมัน และอาหารรมควัน กระป๋อง ดอง หรือทอด มากเกินไป การขาดใยอาหารหรือสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน

สารหลายชนิดในสภาพแวดล้อมของเราได้รับการระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็ง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว การสัมผัสกับสารเหล่านี้ในปริมาณที่สูงมากจึงจะก่อให้เกิดมะเร็ง สารก่อมะเร็งในสิ่งแวดล้อม ได้แก่ สารเคมีและสารประกอบต่างๆ ที่พบในอากาศ น้ำ อาหาร ยาฆ่าแมลง ควันบุหรี่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สี และกระบวนการทางอุตสาหกรรมต่างๆ การเพิ่มขึ้นของรังสีไอออไนซ์ เช่น รังสีเอกซ์ รังสีนิวเคลียร์ และกากกัมมันตภาพรังสี และไวรัสบางชนิด เช่น เช่น ไวรัสเอดส์และไวรัสตับอักเสบบี papilloma และไวรัส Epstein-Barr

การรวมกันของปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดสามารถนำไปสู่มะเร็งได้ แม้ว่าแต่ละปัจจัยเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดมะเร็งก็ตาม มะเร็งจึงพัฒนาตามมา การนัดหยุดงานหลายปัจจัย- อายุ ความบกพร่องทางพันธุกรรม และการสัมผัสกับปัจจัยก่อมะเร็ง ตัวอย่างเช่น บางคนที่สัมผัสกับสารก่อมะเร็งบางชนิดจะทำให้เกิดมะเร็ง ในขณะที่บางคนที่สัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงที่หนักพอๆ กันจะไม่เกิดมะเร็ง และเท่าที่เราทราบ คนส่วนใหญ่ที่เป็นมะเร็งบางรูปแบบไม่มีความโน้มเอียงทางพันธุกรรม ดังนั้นทุกกรณีของโรคมะเร็งจึงมีสาเหตุที่ซับซ้อนและไม่เหมือนใคร

ป้องกันโรคได้อย่างไร

ห้ามสูบบุหรี่หรือใช้ยาสูบแบบเคี้ยว
อย่าอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน เมื่อออกไปข้างนอก ให้ใช้ครีมเพื่อปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต
ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ
การออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้ร่างกายของคุณกระฉับกระเฉง
รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำโดยเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจร่างกายประจำปีของคุณ
หากสายงานของคุณกำหนดให้คุณต้องสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง โปรดปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยทั้งหมด
เพื่อจำกัดการสัมผัสสารเคมีก่อมะเร็งในบ้านของคุณ ให้หลีกเลี่ยงสเปรย์ทำความสะอาดและล้างมือให้สะอาดหลังใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สวมถุงมือยางเมื่อต้องจัดการกับยาฆ่าแมลง และเปิดหน้าต่างและประตูเพื่อระบายควันที่เป็นอันตรายเมื่อต้องจัดการกับสารเคมีและสี

ในช่วงทศวรรษที่ 1930 1 ใน 33 คนในสหรัฐอเมริกาเป็นมะเร็ง ในปี 1970 1 ใน 10 คนจะเป็นมะเร็ง คาดว่าผู้หญิง 1 ใน 7 คนจะเป็นมะเร็งเต้านม และผู้ชาย 1 ใน 3 จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีจำนวนเด็กเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

ล่าสุดได้มีการสำรวจความคิดเห็นของแพทย์คลินิกมะเร็งไม่ว่าจะจ่ายเคมีบำบัดและการฉายรังสีให้ตัวเองหรือคนที่คุณรักในกรณีที่เจ็บป่วย 87% ตอบว่าจะไม่ทำเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี เพราะวิธีการเหล่านี้ไม่ได้ผลดีนัก เรามักจะได้ยินจากผู้ป่วยว่าเคมีบำบัดช่วยได้บ้าง แต่ไม่ใช่กับคนอื่นๆ ขึ้นอยู่กับคุณที่จะตัดสินใจ!

มีการจัดสรรเงินจำนวนมากทุกปีเพื่อการวิจัยการรักษาโรคมะเร็ง แต่อย่างที่เราเห็น จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเท่านั้น

คุณทุกคนเป็นผู้ใหญ่ที่นี่ และคุณควรจะเข้าใจให้ถ่องแท้!การดูแลสุขภาพ แทนที่จะเป็นหน้าที่โดยตรงในการปกป้องสุขภาพของผู้คน กลับกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้มาก ร่วมกับบริษัทยาและประกันภัย เงื่อนไขสำคัญสำหรับธุรกิจของพวกเขาไม่ใช่การฆ่าผู้ป่วย แต่ต้องให้พวกเขาป่วยให้นานที่สุด

โรคใดๆ ก็ตามสามารถเอาชนะได้ด้วยระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์เท่านั้น เราสามารถช่วยเธอได้ด้วยการปราบปรามพืชที่ทำให้เกิดโรคด้วยความช่วยเหลือของยาปฏิชีวนะบางชนิดเท่านั้น แต่ทุกอย่างอื่นทำได้โดยเธอเท่านั้น เคมีบำบัดและการฉายรังสีไม่เพียงแต่ฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น แต่ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกันด้วย (ทำลายสมอง ตับ ไต หัวใจ)

วันนี้ตั้งแต่มะเร็งระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 4 ผู้ป่วย 50-80% ที่มีชีวิตอยู่ได้ถึง 5 ปีใช้จ่ายโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 350,000 ถึง 1.4 ล้านดอลลาร์ บ่อยครั้งที่บริษัทประกันภัยของพวกเขาปฏิเสธที่จะจ่ายเงินเกินกว่าระดับที่กำหนด และทรัพย์สินของผู้ป่วยทั้งหมดก็ตกอยู่ภายใต้ค้อนทุบ นี่คือธุรกิจเภสัชกรรมที่คิดคำนวณอย่างเย็นชาซึ่งได้กำไรจากความเจ็บปวดและความโศกเศร้าแพทย์คนหนึ่งในการให้สัมภาษณ์กล่าวว่า “เกือบจะตลกดีที่คลังแสงของการเยียวยาธรรมชาติที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างแท้จริง ยาออร์โธดอกซ์ยังคงให้เฉพาะยาเคมีบำบัดและโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ที่ไร้ประโยชน์และเป็นอันตรายแก่ผู้คนเท่านั้น”

สถิติที่น่ากลัว

จำนวนเหยื่อโรคมะเร็งในโลกเพิ่มขึ้นทุกปี เห็นได้จากสถิติที่น่าผิดหวัง ตัวเลขน่าประทับใจอย่างแน่นอน 14 ล้านผู้คนเสียชีวิตทุกปีจากโรคมะเร็งทั่วโลก ในอีกไม่กี่ทศวรรษ มะเร็งจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มอายุต่ำกว่า 85 ปี คนในอเมริกากำลังจะตายจากโรคนี้ ทุก ๆ สี่คน- ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา อัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งอยู่ที่ 1:10 ปัจจุบันในโลกนี้อัตราส่วนนี้เข้าใกล้ 1:5

ตลอด 100 ปีที่ผ่านมา ระดับการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในโลกด้านเนื้องอกวิทยาได้เปลี่ยนจาก 10 ที่สำหรับ 2 คนรองจากโรคของระบบหัวใจและหลอดเลือดเท่านั้น

จากข้อมูลของ WHO พบว่ามีคนป่วยอีก 10 ล้านคนทุกปี ในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งจะเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง และนี่เป็นหนึ่งในภัยคุกคามหลักต่อมนุษยชาติ

นี่คือรายการอาหารที่คุณควรหยุดรับประทานทันที พบว่าก่อให้เกิดมะเร็งและโดยทั่วไปจะทำลายสุขภาพของคุณ

1. เกลือมาก่อนในรายการนี้ (ปรุงสุก) ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าคนรักอาหารรสเค็มกำลังประสบอยู่ การสะสมในร่างกายของคลอรีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง การเติมเกลือมากเกินไปในอาหารอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งระบบย่อยอาหาร เกลือจำนวนมากในอาหารมีส่วนทำให้เกิดนิ่วในไตรวมถึงการชะแคลเซียมออกจากร่างกาย ลดปริมาณเกลือที่คุณบริโภค คำแนะนำ! ใช้ในการปรุงอาหารได้ดีที่สุด หิมาลัยหรือเกลือทะเล

2. แอลกอฮอล์แอลกอฮอล์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของมะเร็ง คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งมักจะมีประวัติดื่มหนัก ไม่ว่าจะดื่มแอลกอฮอล์มากหรือน้อยก็ตาม ไม่ว่าในปริมาณเท่าใด แอลกอฮอล์จะทำให้เกิดมะเร็ง เนื่องจากเอทานอลที่มีอยู่ในแอลกอฮอล์นั้นเป็นสารก่อมะเร็ง และเป็นที่รู้กันว่ามีส่วนทำให้เกิดมะเร็ง

3. การรับประทานอาหาร เนื้อแดงมีผลเสียต่อเซลล์ของคุณ - เร่งความชรา ทำให้เกิดโรคหัวใจและมะเร็ง ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก นักวิจัยไม่ได้เรียกร้องให้ละทิ้งผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์โดยสิ้นเชิงและเปลี่ยนมารับประทานอาหารมังสวิรัติ แต่พวกเขาแย้งว่าแนะนำให้ลดโปรตีนจากสัตว์ในอาหารให้เหลือน้อยที่สุด เมื่อเร็ว ๆ นี้การเปลี่ยนมารับประทานอาหารมังสวิรัติได้กลายเป็นหนึ่งในกระแสระดับโลก ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกกำลังละทิ้งอาหารที่มีต้นกำเนิดจากสัตว์บางส่วนหรือทั้งหมด

4. มันฝรั่งทอดโดยทั่วไปแล้วชิปจะมีข้อห้ามอย่างเคร่งครัดสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เนื่องจากมีชิปอยู่ด้วย สารก่อมะเร็งหลายชนิดจำนวนมาก การรับประทานมันฝรั่งทอดเพิ่มความเสี่ยงไม่เพียงแต่เป็นมะเร็งเต้านม แต่ยังรวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งผิวหนังด้วย และน่าเสียดายที่นี่ไม่ใช่สมมติฐานอีกต่อไป แต่เป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์แล้ว

5. ไดเอทโค้ก.เมื่อไม่ได้เติมน้ำตาลลงในเครื่องดื่มลดน้ำหนัก ก็จะมีการเติมสิ่งที่แย่กว่านั้นเข้าไป แอสปาร์แตมเป็นสารทดแทนน้ำตาลตามธรรมชาติในไดเอทโค้ก และผลการศึกษาในยุโรป 20 ชิ้นพบว่าส่วนผสมนี้อาจทำให้เกิดมะเร็งและความพิการแต่กำเนิด

6. โดยทั่วไปเครื่องดื่มอัดลมเครื่องดื่มอัดลมทุกประเภทมีสารให้ความหวานเทียม รสชาติ และน้ำตาลประมาณ 10 ช้อนชา ผลวิจัยเผยว่าการบริโภคน้ำอัดลมสัปดาห์ละ 2 แก้วเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับอ่อน

7. มะเขือเทศกระป๋อง.มะเขือเทศมีความเป็นกรดมากพอที่จะบรรจุกระป๋องและไม่ปลอดภัยที่จะรับประทาน มะเขือเทศมีกรดที่สามารถทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ที่สำคัญ และผลิตองค์ประกอบที่เรียกว่าบิสฟีนอล เอ ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งและผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอื่นๆ เฉพาะอาหารกระป๋องที่มีป้ายกำกับว่า "ปลอดสาร BPA" เท่านั้นที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ

8. ผลิตภัณฑ์รมควันในระหว่างกระบวนการสูบบุหรี่ สารก่อมะเร็งจะถูกปล่อยออกมา - โพลีไซคลิกไฮโดรคาร์บอนเบนโซไพรีน ซึ่งถูกขับออกจากร่างกายได้ไม่ดีและมีแนวโน้มที่จะสะสม

9. ป๊อปคอร์นไมโครเวฟ.เราเข้าใจดีว่าไม่มีอะไรง่ายไปกว่าการเอาถุงป๊อปคอร์นเข้าไมโครเวฟแล้วเคี้ยว “สารก่อมะเร็งเปล่า” อย่างเอร็ดอร่อยขณะนั่งอยู่หน้าทีวี เพื่อน! สงสารตับและตับอ่อนที่แย่ของคุณ! ป๊อปคอร์นมีสารก่อมะเร็งซึ่งสร้างรสชาติเนยเทียม สารก่อมะเร็ง “ป๊อปคอร์น” อันตรายอย่างยิ่งและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเกิดมะเร็ง ทำอย่างไร? กำจัดป๊อปคอร์นออกจากอาหารของคุณ เลย!

10. เนื้อรมควัน อาหารแปรรูป ชีสแปรรูป- ประกอบด้วยไนเตรตและไนไตรต์ พวกมันก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งไนโตรซามีน พวกมันกระตุ้นการก่อตัวของมะเร็ง ควรยกเว้นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้น 36%

11.อาหารที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม ก่อนอื่นนี้ ไขมันสัตว์- บน อยู่ในอันดับแรกในแง่ของความเป็นอันตราย ไขมันเนื้อวัวหลังจากพวกเขา - น้ำนม- ไขมันสัตว์สะสมอยู่ตามอวัยวะภายใน ซึ่งเป็นไขมันในอวัยวะภายในซึ่งมีสารที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม เมื่อคนเรารับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อเต้านมเติบโตและเกิดมะเร็ง

12. ไส้กรอกและไส้กรอกพบว่าการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปเพิ่มขึ้นทุกๆ 30 กรัมต่อวัน ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น 15–38% ตามที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็งอาจเกี่ยวข้องกับการเติมไนเตรตและสารกันบูดในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สารเหล่านี้เป็นสารก่อมะเร็งในปริมาณมาก ปัจจัยสำคัญที่สองคือผลกระทบของสารพิษที่เกิดขึ้นเมื่อสูบบุหรี่เนื้อสัตว์

13. ผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่อยู่ในหมวดผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งคือ เนยเทียม,มันมีไขมันที่เป็นอันตรายและอันตรายที่สุด ปรากฎว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มีมาการีนสามารถเรียกได้อย่างปลอดภัยว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง

14. น้ำส้มสายชูและซีอิ๊ว- สารก่อมะเร็ง 35% ของซอสเป็นสารก่อมะเร็ง เนื่องจากมีเนื้อหาของ E 621 – โมโนโซเดียมกลูตาเมต

15. ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งในผู้หญิงส่วนใหญ่และมะเร็งเต้านมอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น สินค้าดังกล่าวได้แก่ ผลิตภัณฑ์นมโดยเฉพาะนม คอทเทจชีส ซาวครีม นมเปรี้ยว คีเฟอร์ คูมิส ครีม มายองเนส ไอศกรีม โยเกิร์ต และชีส และเป็นผลให้มีส่วนช่วยในการพัฒนาของมะเร็ง -

16. ผลิตภัณฑ์แป้ง (แป้งขาว และแป้งพรีเมี่ยม)- หลังจากผ่านกระบวนการแปรรูปอย่างเข้มข้นจึงนำแป้งสาลี ไม่เพียงแต่จะสูญเสียคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ไปเกือบทั้งหมด แต่ยังสัมผัสกับสารเคมีที่เรียกว่าก๊าซคลอรีนซึ่งเป็นสารฟอกขาวอีกด้วย ก๊าซนี้ถือว่าอันตรายและถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์จากแป้งยังมีดัชนีน้ำตาลในเลือดสูงซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ทำให้เราอ้วน แต่ยังทำให้เกิดมะเร็งอีกด้วย

การบริโภคผลิตภัณฑ์แป้งขาวอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มน้ำตาลในเลือดและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเกิดมะเร็ง เนื่องจากมะเร็งจะ "กิน" น้ำตาล ควรมีแป้ง เมล็ดธัญพืชหรือหยาบ- ขนมปังที่ทำจากแป้งโฮลเกรนเรียกว่าผลิตภัณฑ์ยาอย่างถูกต้อง

17. ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรุงแต่งรสชาติอ่านฉลาก! สารก่อมะเร็งที่มีเงื่อนไขเป็นหนึ่งในสารปรุงแต่งรสที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ โมโนโซเดียมกลูตาเมต E - 621 พบได้ในไส้กรอกทุกชนิด ผลิตภัณฑ์จากปลา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำซุปก้อน E 621 - ยารักษาโรค และฆาตกรเงียบ (ยิ่งกิน ยิ่งอยากกิน)

18. น้ำมันพืชบริสุทธิ์เรามักจะใช้น้ำมันกลั่น/ดับกลิ่นในการปรุงอาหาร ซึ่งแตกต่างจากน้ำมันธรรมชาติเช่นน้ำมันพืชธรรมชาติ (มะกอก ข้าวสาลี ถั่วเหลือง เมล็ดแฟลกซ์ ฯลฯ) เช่นเดียวกับสวรรค์และโลก น้ำมันเติมไฮโดรเจนนั้นไม่ดีต่อสุขภาพอย่างยิ่งเนื่องจากมีสารกันบูดจำนวนมาก จะทำอย่างไร? อ่านฉลากบนบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียดและซื้อเฉพาะน้ำมันธรรมชาติซึ่งแน่นอน - แพงไปหน่อยสำหรับหลาย ๆ คน แต่ สุขภาพสำคัญกว่า!

19. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์การศึกษาล่าสุดที่เน้นในวารสาร Epidemiological Journal of Cancer Research ระบุว่าการใช้น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 220 เปอร์เซ็นต์เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเซลล์มะเร็งเป็นส่วนหนึ่งของน้ำตาล แต่น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์สำหรับเซลล์มะเร็งก็เหมือนกับขนมที่อร่อยที่สุดสำหรับเรา ดังนั้นอัตราการเกิดมะเร็งของคนชอบหวานจึงสูงมาก โดยทั่วไปแล้ว อาหารที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งโดยตรง ส่งผลให้พวกมันเติบโตและแพร่กระจายได้ ขอแนะนำให้เปลี่ยนน้ำตาลด้วยน้ำผึ้ง

จะทำอย่างไร? บริโภคขนมหวานในปริมาณที่พอเหมาะ อย่าใช้สารให้ความหวานเทียม!

ผลิตภัณฑ์ต้านมะเร็ง

โดยทั่วไป อาหารของคุณควรประกอบด้วยผักสด ผลไม้ และถั่ว อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ คอเลสเตอรอล เกลือ และน้ำตาลต่ำดีต่อสุขภาพ

ตระกูลกะหล่ำ:หัวไชเท้า, กะหล่ำปลี, กะหล่ำดอก, รากขิง, แตงกวา.
วงศ์มะเขือ:มะเขือเทศมันฝรั่ง
กระเทียม: กระเทียม,หัวหอม,หน่อไม้ฝรั่ง,หน่อไม้ฝรั่ง.
ถั่ว:วอลนัท, พิสตาชิโอ, อัลมอนด์,, เฮเซลนัท
พืชตระกูลถั่ว:ถั่วลันเตาถั่วเขียวซีลีเนียมป้องกันการเกิดมะเร็งหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ปลา ถั่วบราซิล และเมล็ดธัญพืชส่วนใหญ่อุดมไปด้วยซีลีเนียม
ผลไม้:แอปเปิ้ล, ส้ม, เกรฟฟรุต, แตงโม, เมลอน, องุ่นแดงและดำ, อะโวคาโด, แครนเบอร์รี่สด, แครอท, พริกแดง, บีทรูทสีแดง, ลูกพีช, ทับทิม
ผลเบอร์รี่:บลูเบอร์รี่, แบล็กเบอร์รี่, สตรอเบอร์รี่, ลูกเกดแดง, แครนเบอร์รี่
สมุนไพร:ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, ข้าวโพด, ข้าวสาลี, ถั่วเลนทิล.
ร่ม:ผักชี, แครอท, ผักชีฝรั่ง, ผักชีฝรั่ง
ส้ม:เปลือกส้ม, มะนาว, มะนาว
อื่น: น้ำผึ้ง, เมล็ดแฟลกซ์, เมล็ดฟักทอง, เมล็ดแอปริคอท,เมล็ดองุ่น.

สีสดใสของผลไม้บ่งบอกว่าผักเหล่านี้อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเมื่อรวมกับวิตามินซีแล้ว ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยปกป้องเยื่อเมือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นการบริโภคผลไม้เป็นประจำจึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ด้วย 63 เปอร์เซ็นต์ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้มีสารที่ป้องกันมะเร็ง การบริโภคอาหารแต่ละกลุ่มในแต่ละวันจะช่วยเพิ่มความต้านทานของร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน และป้องกันมะเร็ง

ยาได้รวบรวมข้อมูลและข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งไว้เป็นจำนวนมากแล้ว เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีเหตุผลหลายประการที่สามารถนำไปสู่การเกิดขึ้นได้ นอกจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมแล้ว เมื่อพิจารณาจากการวิจัยแล้ว โอกาสที่จะเป็นมะเร็งขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากินเป็นส่วนใหญ่

แพทย์ได้รวบรวมบัญชีดำของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งและเนื้องอกมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าสิ่งที่เรากินสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้

ด้านล่างนี้คือรายการอาหารที่แพทย์พิจารณาว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ได้แก่ มีส่วนทำให้เกิดมะเร็งได้

1. เนื้อสัตว์แปรรูป

ผู้ชื่นชอบฮอทดอก ไส้กรอก เบคอน และเนื้อสัตว์แปรรูปอื่นๆ กำลังทำให้สุขภาพของพวกเขามีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเนื้อสัตว์แปรรูปส่วนใหญ่มีเกลือสูงและมีสารเคมีที่เป็นอันตราย

การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าคนที่กินเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นประจำเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 43% และจากโรคมะเร็ง สารที่เป็นอันตรายที่สุดในผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์คือโซเดียมไนเตรต

2. ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งขาวบริสุทธิ์เกรดสูงสุด

หลังจากแปรรูปแล้ว แป้งขาวจะสูญเสียสารอาหารส่วนใหญ่ไป ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งขาวก็ฟอกด้วยคลอรีนเช่นกัน ยาถือว่าก๊าซนี้เป็นสารระคายเคืองที่เป็นอันตรายซึ่งเป็นพิษซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้

นอกจากนี้แป้งขาวยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงและมีผลเสียต่อน้ำตาลในเลือด ผลิตภัณฑ์จากพวกเขาไม่เพียงมีส่วนทำให้ดูเหมือนปอนด์พิเศษเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งอีกด้วย

3.ป๊อปคอร์นไมโครเวฟ

ป๊อปคอร์นไม่ได้เป็นเพียงอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับป๊อปคอร์นที่ปรุงในเตาไมโครเวฟซึ่งง่ายและสะดวก ป๊อปคอร์นนี้มีกรดเพอร์ฟลูออโรออคทาโนอิก ซึ่งใช้ในเทฟลอนด้วย การวิจัยแสดงให้เห็นว่าสารเคมีนี้ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากในสตรี นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่ากรดเพอร์ฟลูออโรออคทาโนอิกเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งอวัยวะภายในอย่างรวดเร็ว: ตับ, ไต, กระเพาะปัสสาวะ, ตับอ่อนและลูกอัณฑะ

ป๊อปคอร์นไมโครเวฟมีสารเคมีอันตรายอีกชนิดหนึ่ง: ไดอะซิติล

4. สารให้ความหวานเทียม

คนที่พยายามหลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหาร หรือเป็นโรคเบาหวาน มักจะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นสารให้ความหวานเทียม การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่มีน้ำหนักเกิน นอกจากนี้สารให้ความหวานยังรบกวนการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าแอสปาร์แตมสารให้ความหวานยอดนิยมเมื่อย่อยสลายแล้วจะกลายเป็นสารพิษที่อันตรายมาก นั่นคือไดโพแทสเซียมฟอสเฟต DKP ในเวลาเดียวกันแพทย์สงสัยว่าความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกมะเร็งในสมองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

5. แอลกอฮอล์

แน่นอนว่าทุกคนรู้ถึงอันตรายของแอลกอฮอล์เมื่อบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้เกิดมะเร็งได้หลายประเภท

ผลการศึกษาล่าสุดพบว่าสตรีหลังมีประจำเดือนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อยวันละ 1 แก้วเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมถึง 30%

แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับสอง รองจากยาสูบ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยโรคมะเร็งพบหลักฐานว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็งในปาก หลอดอาหาร ตับ ลำไส้ และมะเร็งเต้านมในผู้หญิง

6. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์และโซดาป๊อป

หลายคนเชื่อว่าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง น้ำเชื่อมฟรุกโตสถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักเนื่องจากถูกดูดซึมเข้าสู่ผนังเซลล์มะเร็งได้ง่าย ตามมาด้วยเค้ก ขนมอบ และน้ำอัดลมที่มีน้ำเชื่อมจำนวนมาก ครองตำแหน่งที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในบัญชีดำของผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารก่อมะเร็ง

7. อาหารรมควัน ดอง และเค็ม

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้มีไนเตรตสูง ซึ่งจะถูกแปลงเป็นไนโตรโซเมทิลอะนิลีน N-ไนโตรโซ สารนี้เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งทุกชนิดได้อย่างมาก

8. มันฝรั่งทอด

แน่นอนว่ามันฝรั่งทอดก็เหมือนกับอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพส่วนใหญ่มีรสชาติอร่อย แต่ผลที่ตามมาด้านลบ เช่น น้ำหนักที่มากเกินไป ก็มีมากกว่าผลประโยชน์ระยะสั้นทั้งหมด ไขมันและแคลอรี่ในมันฝรั่งทอดในระดับสูงส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

9. ปลาแซลมอนเลี้ยง

ปลาแซลมอนส่วนใหญ่ที่บริโภคในโลกปัจจุบันเลี้ยงในฟาร์มพิเศษ ที่นั่นพวกเขารับประทานอาหารพิเศษโดยใช้สารเคมี ยาปฏิชีวนะ และสารก่อมะเร็งอื่นๆ จากการวิเคราะห์ทางเคมี เนื้อปลาแซลมอนเทียมมีสารโพลีคลอรีนในปริมาณสูง ไบฟีนิลและปรอท

10. ผลิตภัณฑ์อาหาร

ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักแม้จะมีชื่อที่น่าดึงดูด แต่ก็ไม่ดีต่อสุขภาพเลย พวกเขามีแอสปาร์แตมจำนวนมากตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เช่นเดียวกับอนุพันธ์ของโซเดียม สารเคมีที่ให้สีสดใส และสารเติมแต่งที่ผ่านการกลั่นเพื่อคืนรสชาติที่หายไป อาหารแคลอรีต่ำหลายชนิดมีคุณค่าทางพลังงานเพิ่มขึ้นจริงๆ เมื่อเทียบกับอาหารปกติ

11. จีเอ็มโอ

คำถามที่ว่า GMOs เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเนื่องจากการมียีนอยู่ในนั้นหรือไม่ ยังคงเป็นคำถามที่ยังคงเปิดอยู่ในปัจจุบัน การศึกษาเชิงทดลองบางการศึกษาได้เปิดเผยคุณสมบัติเชิงลบของ GMOs แต่การวิเคราะห์ผลงานเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายซึ่งไม่ใช่จาก GMOs เอง แต่เป็นผลกระทบจากอาหารที่ไม่สมดุล หากสัตว์ทดลองได้รับอาหารเป็นข้าวโพดเพียงอย่างเดียว จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกมัน ไม่ว่าข้าวโพดจะเป็นข้าวโพดปกติหรือดัดแปลงพันธุกรรมก็ตาม

12. น้ำมันเติมไฮโดรเจน

เหล่านี้เป็นน้ำมันพืชที่มักดับกลิ่นและมีสี นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันโอเมก้า 6 สูงซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพมากมาย

13.เนื้อแดง

เนื้อแดงในปริมาณน้อยมีประโยชน์ต่อร่างกายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม คุณควรจำไว้ว่าหากรับประทานทุกวันคุณอาจเป็นมะเร็งลำไส้ได้

14. มะเขือเทศกระป๋อง

อาหารกระป๋องส่วนใหญ่จะเก็บไว้ในกระป๋อง และกระป๋องส่วนใหญ่จะเคลือบด้วยสารเคมีที่เรียกว่าบิสฟีนอล-เอ (BPA) การศึกษาที่ดำเนินการเมื่อประมาณสองปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่า BPA ส่งผลต่อการทำงานของยีนในสมองของหนูทดลอง ผลการศึกษาครั้งนี้ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศเชื่อมั่นว่า VPA เป็นอันตราย ขณะนี้หน่วยงานกำกับดูแลต้องการให้ผู้ผลิตเปลี่ยนสารอื่นให้หมดหรืออย่างน้อยก็จำกัดปริมาณของสารดังกล่าวอย่างรุนแรง

สิ่งที่ทำให้มะเขือเทศอันตรายที่สุดคือมีความเป็นกรดสูง โดยดูดซับสาร BPA จากการเคลือบกระป๋องได้เร็วกว่าอาหารกระป๋องอื่นๆ

15. มายองเนสและซอสมะเขือเทศ

อิมัลซิไฟเออร์ สารเพิ่มความคงตัว สารกันบูด ไขมันทรานส์ น้ำส้มสายชู น้ำตาล - สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของรายการสารอันตรายจำนวนมากที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่อร่อยและอันตรายมากเหล่านี้ซึ่งมาพร้อมกับอาหารฟาสต์ฟู้ดส่วนใหญ่

บรรจุภัณฑ์พลาสติกมีอันตรายไม่น้อยซึ่งมีสารเคมีก่อมะเร็งด้วย